ไนท์หลอกให้บลัดทำพันธะสัญญาให้เข้าไปจัดการกับกับดักของวัดซึ่งใจกลางเป็นดาบที่ถูกล้อมรอบด้วยผนึกของวัด แลกกับความปลอดภัยของอิชูก้า
ซึ่งในขณะที่บลัดรู้ตัวแล้วว่าจะต้องจัดการกับกับดักของวัดและกำลังหาทางจัดการกับผนึก เพื่อเข้าไปดึงดาบ แต่อิชูก้าก็ตามมาซะก่อน และบังเอิญได้แผล
บลัดที่บังเอิญเห็นว่าเลือดของอิชูก้าสามารถล้างผนึกของวัดได้ จึงเกิดไอเดียในการจัดการกับผนึก แล้ววิ่งกลับเข้าไปในถ้ำอีกครั้ง โดยมีอิชูก้าและเซลกี้วิ่งตาม
เมื่อเซลกี้ที่ตามเข้ามา เห็นดาบและผนึก ก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นสิ่งที่ทางวัดสร้างขึ้น ซ้ำยังเป็นผนึกที่กล้าแกร่งมาก จึงได้เตือนว่าบลัดไม่มีทางจัดการกับผนึกระดับนี้ได้หรอก
แต่บลัดกลับตอบว่าหากเรื่องแค่นี้ไม่สามารถจัดการได้ คงไม่สามารถอยู่มาได้ 200 ปี หรอก (รู้อายุบลัดแล้วจ้า 200 ปี จ้า) แล้วบลัดก็ร่ายเวทย์ให้เลือดของอิชูก้า (ที่ไม่รู้ว่าเอาติดมาตอนไหน) กลายเป็นผลึก แล้วกระจายไปตามจุดต่างๆ ของผนึก แล้วก็ร่ายเวทย์อีกครั้ง
ซึ่งในการคลายผนึกนี้ บลัดจะต้องใช้พลังเป็นอย่างมาก จนเซลกี้เตือนว่าหากยังคงทำต่อไป จะตายเอาได้ จนอิชูก้านึกเป็นห่วง แต่ในที่สุดบลัดก็สามารถคลายผนึกได้ จนสามารถเข้าถึงดาบที่ปักอยู่ได้
แต่ทันทีที่มือของบลัดสัมผัสถูกด้ามดาบ เพื่อที่จะดึงออก ดาบก็สูบพลังของบลัดทันที
จังหวะหน้าสิ่งหน้าขวานนี้ เซลกี้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ก็เกิดคำถามว่าบลัดเสี่ยงชีวิตเพื่ออะไร เพื่อรักษาพันธะสัญญา? เพื่อปกป้องอิชูก้า? แต่ที่เซลกี้ถูกสอนมาว่าปิศาจเป็นสิ่งที่ไม่ทำอะไรเพื่อคนอื่น แต่ทำเพื่อรักษาชีวิตตนเท่านั้น แล้วสิ่งที่บลัดทำคืออะไร ตอนนี้เองที่เรารู้ว่าความเชื่อเรื่องปิศาจของเซลกี้ทั้งหมด มาจากการที่ถูกปลูกฝังมาในฐานะนักบวช
ด้านพวกไนท์ที่ได้ยินเสียง ที่เกิดตอนบลัดคลายผนึกได้ก่อนหน้านี้ ได้วิ่งตามมาดูจนถึงในถ้ำ ด้วยความไม่อยากเชื่อว่าบลัดจะสามารถจัดการกับผนึกของวัดได้ โดยเมื่อใกล้ถึงถ้ำ อักขระที่เป็นสัญลักษณ์ของพันธะสัญญาก็จางหายไป แปลว่าอย่างไรกันแน่?
และเมื่อทุกคนเข้ามาภายในถ้ำได้ทั้งหมดแล้ว สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาของทุกคนคือ บลัดสามารถดึงดาบออกมาได้แล้ว
แล้วถ้ำก็เริ่มถล่ม (เพราะผนึกทั้งหมดถูกทำลายลง) แต่ในจังหวะที่ทุกคนคิดว่าแย่แล้ว ถูกถ้ำถล่มทับแน่ แต่กลายเป็นว่า รอบๆ ทุกคน มีบาเรียป้องกันอยู่ ดังนั้นทุกคนจึงไม่ได้รับอันตรายใดๆ จากถ้ำถล่มเลย
บลัดที่เห็นทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า ก็ประกาศก้องว่า พันธะสัญญาถูกดำเนินการแล้วเรียบร้อย
บรรดาปิศาจที่ยืนอึ้ง ประจักษ์แล้วว่าบลัดสามารถเอาชนะกับดักของวัดได้ ก็กู่ร้องอย่างดีใจ ในความสำเร็จและความแข็งแกร่งของหัวหน้า (บลัด) แทนที่จะเสียใจที่ไม่เป็นไปตามแผนในตอนแรก (ที่ว่าหลอกล่อบลัดให้ทำพันธะสัญญาที่บลัดไม่มีทางทำได้ เพื่อบังคับให้บลัดกลับมาเป็นหัวหน้า) ซึ่งก็สร้างความประหลาดใจให้กับบลัด
อิชูก้ากับเซลกี้ที่เห็นท่าทีของพวกปิศาจก็งงๆ ไม่เข้าใจว่าหลอกล่อเขามา แต่พอเขาทำสำเร็จก็กลับดีใจกัน แต่พอเห็นท่าทีที่ดีใจของพวกปีศาจ ก็ได้แต่เพียงถอนหายใจว่าเอาเถอะ ดีใจกันก็ดีแล้ว
และก่อนหน้านี้ มีปีศาจบางคนในกลุ่ม คิดว่าบลัดอ่อนแอลงและขี้ขลาด (จากการที่อยู่กับมนุษย์) แต่เมื่อมาเห็นความแข็งแกร่งของบลัด ณ ตอนนี้ (และความเท่ห์) ก็หลงใหลโดยทันที (ด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม 5555) แม้ว่าจะถูกคนข้างๆ ประชดว่า ไม่ออกจากกลุ่มแล้วรึไง แต่ตอนนี้กำลังตกหลุมบลัดอยู่ เลยไม่ได้ยินใดๆ ทั้งสิ้นแล้ว
ท่ามกลางบรรยากาศรื่นเริง คีซ ก็หลบมุมอยู่กับไนท์ พูดคุยถึงพวกปิศาจที่เริงร่า ว่าคงลืมกันไปแล้ว ว่าการที่บลัดทำสำเร็จ เท่ากับพวกตนเองพ่ายแพ้ แต่ไนท์กลับบอกว่า ก็ช่วยไม่ได้ เพราะ ณ วินาที ที่บลัดดึงดาบออกมา ก็เป็นการประจักษ์แล้วว่าบลัดยังคงแข็งแกร่ง และพวกตนเองนั้นคงทำอะไรนอกจากนี้ไม่ได้อีกแล้ว (ประหนึ่งยอมแพ้ เรื่องจะพาบลัดกลับมา แต่ด้วยสีหน้าประหนึ่งว่า ความหลงใหลและพักดีที่ไนท์มีต่อบลัด ยังคงไม่คลายลง แต่ทำอะไรไม่ได้แล้ว)
เซลกี้ที่เห็นบรรดาปิศาจมีท่าทีเริงร่าดีใจกัน ก็ยังคงมีคำถาม (เยอะจริง พ่อคนนี้) ทำไมปีศาจจึงมีท่าทีที่เหมือนมนุษย์ ปิศาจคือสิ่งที่ดำมืด ที่มืดมิดที่สุด ไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าสร้าง แต่ทำไมตอนนี้ ปิศาจที่อยู่ต่อหน้าเซลกี้ จึงมีท่าทีดีใจ หัวเราะ และยิ้มแย้ม เหมือนกันมนุษย์
ในขณะที่เซลกี้เปรยออกมาคนเดียว ใกล้ๆ กันนั้น มีอิชูก้า และซาฮะ ได้ยินเข้า
ซาฮะที่ได้ยินนักบวชพูดถึงพวกตนเองเช่นนั้น แต่กลับไม่ได้ว่าอะไร เพราะรู้อยู่แล้วว่า ก็นักบวชนี่น่ะ ปกติมองพวกตนเป็นสิ่งของอยู่เลย ชิน เลยไม่ได้โมโหหรือกล่าวอะไรออกมา
แต่กลับเป็นอิชูก้าที่ท้วงเซลกี้ว่า พวกปิศาจไม่ใช่สิ่งของน่ะ ทุกคนมีชีวิต ร้องไห้ได้ หัวเราะเป็น บางครั้งก็ทำสิ่งที่ไม่ดี ก็เหมือนๆ มนุษย์เรานั่นล่ะ แล้วยังสอนเซลกี้ที่ปกติ เรียกแต่ "ปิศาจ" ๆ ว่า ทุกคนก็มีชื่อน่ะ ชื่อเป็นสิ่งที่ไว้ใช้เรียกกัน ดังนั้นเซลกี้ควรจะเรียกพวกเขาด้วยชื่อ
แล้วยังรีบแนะนำอีกว่า ตอนนี้ตัวเองรู้จักชื่ออยู่สามคน พร้อมทั้งชี้ให้ดู โดยคนแรกคือไนท์ คนที่อยู่กับไนท์คือคีซ และอีกคนคือซาฮะ (เจ้าตัวได้ยินบทสนทนาทั้งหมด) ซึ่งพอซาฮะได้ยินว่าอิชูก้ากำลังพูดถึงตัวเองก็สะดุ้ง แล้วอิชูก้าก็บอกเซลกี้ว่า ซาฮะ เวลายิ้มแล้วน่ารักมาก
ซาฮะ ที่ได้ยินอิชูก้าบอกว่าตัวเองน่ารัก ก็หันไปถามคีซที่อยู่ข้างๆ ว่าตัวเองน่ารักมั้ย (คีซสตั้นท์ไปกับคำถาม 5555) คีซก็อ้ำๆ อึ้งๆ แล้วตอบว่าอืม น่ารักมาก ซาฮะที่ได้คำตอบก็ยิ้มแป้นแล้น ดอกไม้บานทันที แต่แล้วก็รีบวิ่งไปหาไนท์ คีซก็น้ำตาตกไป ใช่ซิ ไนท์คือที่หนึ่งนี่ (55555)
เซลกี้ที่ตอนนี้เริ่มเหนื่อยกับคำถามของตัวเอง (ชั้นก็เหนื่อยย่ะ) ก็นั่งลงแล้วเล่าให้อิชูก้าฟังว่า ตนเองนั้น ตั้งแต่เด็กก็ถูกสอนมาว่า ปิศาจคือสีดำ วัดและนักบวชคือสีขาว ปิศาจทำร้ายและฆ่ามนุษย์ นักบวชต้องกำจัดปิศาจเพื่อช่วยมนุษย์ แต่ตอนนี้ปิศาจที่เจอ กลับไม่เหมือนกับที่คิด และที่ถูกสอนมา ตอนนี้เลยไม่เข้าใจว่าอย่างไหนคือถูกต้องกันแน่
อิชูก้าที่นั่งรับฟังอย่างโดยดี ก็มีคำถามว่า ทำไมไม่มองให้เป็นสีเทา มองเป็นสีขาวกับสีดำมากๆ เข้าจะตาลายเอาน่ะ มองให้เป็นสีเทาดีกว่ามั้ย (ประโยคนี้ เป็นข้อคิดที่ติดตัวมาตั้งแต่ได้อ่านครั้งแรก และไม่เคยลืม)
เซลกี้ที่เครียดและจริงจังกับเรื่องนี้มาตั้งนาน แต่อิชูก้ากลับตอบให้เป็นเรื่องสีและตาลายด้วยความซื่อ เหมือนเป็นเรื่องง่าย แต่ก็ทำให้เซลกี้เลิกเครียดและหลุดหัวเราะออกมาได้ เหมือนกับเรื่องที่เครียดมาตั้งนาน จริงๆ มันก็ไม่ได้ยากอะไร แค่มองให้เป็นสีเทาก็หมดเรื่อง
และไม่เพียงแต่เซลกี้ที่ขำ พวกซาฮะ ที่ได้ยินก็หลุดขำ ออกมาในความซื่อและบื้อของอิชูก้าเหมือนกัน
(ซึ่งเหมือนพวกปิศาจ จะเริ่มชอบอิชูก้าขึ้นมาบ้างแล้ว)
เมื่อความวุ่นวายทั้งหมดจบลง บลัดและอิชูก้าก็กลับเข้ามาที่บ้านพัก แล้วบลัดก็ชวนอิชูก้าว่า พรุ่งนี้เรากลับ "บ้าน" กัน (ทุกๆ ที่ ที่อยู่ด้วยกัน เป็น "บ้าน" ได้หมด) แล้วอิชูก้าก็นึกขึ้นได้ว่าบลัดน่าจะหิว ก็ขอตัวออกไปหยิบลูกไม้ที่เก็บมา เพื่อมาให้บลัดกิน ระหว่างที่อิชูก้าออกไปเอาผลไม้ จู่ๆ บลัดก็รู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกาย เมื่ออิชูก้ากลับมา ก็พบว่าบลัดสลบล้มลงไปแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับบลัดกันแน่
แต่ท่ามกลางสติที่รางเลือนของบลัด และอิชูก้าที่ประคองบลัดอยู่ บลัดกลับรู้สึกว่าได้กลิ่นที่ช่างหอมหวานเหลือเกิน
เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของบลัดกันแน่
หรืออิชูก้าจะโดนบลัดกินซะแล้ว
to be continue.....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น