วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Anatolia Story (Part 12) by Chie Shinohara

เมื่อเคลียร์เรื่องสงครามกันไปได้ อีกทั้งบรรยากาศขมุกขมัวระหว่างไคล์กับยูริก็คลี่คลาลง เพราะชัดเจนด้านความรู้สึกกันแล้ว ทัพฮิตไทต์ทั้งหมดก็ไปพักกันที่เมืองที่ใกล้ที่สุด ซึ่งเป็นเมืองที่องค์ชายที่ 2 (พี่ชายคนเดียวที่เหลืออยู่ของไคล์) ดูแลอยู่ 

ในระหว่างการพักทัพก่อนกลับฮัตตูซ่า พี่ชายของไคล์ก็จัดงานเลี้ยงให้ ในระหว่างงานเลี้ยงก็มีการถามถึงว่าเมื่อไหร่ไคล์จะเลือกและแต่งตั้งมเหสีให้เรียบร้อย เพราะกษัตริย์ไม่ควรปล่อยให้ตำแหน่งมเหสีว่างนาน ซึ่งก็แสลงใจยูริอีก เพราะยูริเจียมตัวว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับตำแหน่งมเหสี เพราะไม่ใช่เชี้อพระวงศ์ ทางไคล์ก็เพียงให้คำตอบแบ่งรับแบ่งสู้ แล้วก็รีบขอตัวแยกไปพักผ่อน โดยมีวัตถุประสงค์ว่าจะรีบไปจู๋จี๋กับยูริ เพราะความรู้สึกของทั้งคู่ชัดเจนกันแล้ว ไม่มีเรื่องที่ยูริต้องกลับญี่ปุ่นเป็นเรื่องยอกใจของทั้งคู่อีก แล้วคืนนั้นทั้งคู่ก็ได้ลึกซึ่งกันจริงๆ เป็นครั้งแรก ด้วยความสมยอม

จากความเก็บกดของไคล์ ในการลึกซึ่งกันครั้งแรก ถึงกับอยู่กันภายในห้องไม่ออกมาดูเดือนดูตะวันกันเลยถึงสี่วันสี่คืน บรรดาคนสนิทก็ได้แต่จับกลุ่มเม้าท์กันว่าไม่ออกมาเลยจะเป็นไรไหมหนอ จนถึงขั้นอิลต้องบอกว่า ปล่อยไปเถอะ เดี๋ยวเบื่อกันออกมากันเอง


ยูริ เมื่อรักจนยอมมอบทุกอย่างให้ ถึงขั้นยอมเลือกที่จะไม่กลับไปหาครอบครัวอีกเลย เมื่อลึกซึ้งกันแล้ว ยูริก็ขอให้ไคล์สัญญาว่าจะมียูริเป็นสนมแค่คนเดียว เพราะยูริเข้าใจดีว่าไคล์จะต้องอภิเษกกับมเหสีอย่างเป็นทางการ แต่สนม ขอแค่มีตัวเองเท่านั้น แต่ไคล์ก็ไม่ได้รับปาก แต่กลับพาอย่างว่ากันอีกรอบ

แล้วไคล์ก็ยอมออกจากห้องนอนจนได้ (อิลถึงขั้นแซวว่าไม่เจอกันนาน) ออกมาถึง ไคล์ก็เปิดประเด็นกับบรรดาคนสนิทเลยว่า ขอปรึกษากับอิล เพราะจะแต่งตั้งให้ยูริเป็นราชินี (มเหสี) บรรดาคนสนิทต่างๆ ก็ล้วนแต่ดีใจ มีเพียงอิลเท่านั้นที่นิ่ง แล้วถามไคล์ว่า ทราบแล้วใช่มั้ยว่าไม่ง่าย เพราะผิดธรรมเนียมที่ราชินีจะต้องเป็นองค์ที่มีเชื้อสาย จะต้องมีคนไม่เห็นด้วยแน่ โดยเฉพาะนาเกีย ที่ตอนนี้เป็นชนนี และยังอยู่ในตำแหน่งทาวานาอันนาอีกด้วย ซึ่งสำหรับไคล์แล้วตอบโดยทันทีว่าเชื่อในปาฏิหารย์ในตัวยูริ ดังนั้นจึงตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งกับยูริ

ในระหว่างที่คนสนิททั้งหลายล้วนดีใจกับการตัดสินใจของไคล์ สามพี่น้องที่เอาผ้าไปซักก็เผลอทำผ้าที่เป็นชุดของยูริหล่นโดยไม่รู้ แล้วก็มีคนผู้หนึ่งมาเก็บขึ้น เขาคือรูซาฟา ซึ่งเมื่อเก็บผ้าขึ้นมาแล้วก็บรรจงหยิบมาจูบ (ใช่แล้ว รูซาฟา หลงใหลยูริอยู่นี่เอง) แล้วบังเอิญคัชชุก็เดินมาเห็นพอดี ซึ่งเมื่อคัชชุรู้ความในใจของรูซาฟาก็ทำท่าจะเตือน แต่รูซาฟาก็รีบออกตัวว่า รู้ดีอยู่แล้วว่าเกินเอื้อม และจะแค่เก็บความรู้สึกไว้เป็นความลับเท่านั้น
ในเรื่องไม่มีแง้มมาก่อนเลยค่า
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดี ก็ถึงเวลาเดินทางกลับฮัตตูซ่า ซึ่งนาเกียก็ได้เตรียมบางอย่างไว้รออยู่แล้ว เมื่อไคล์กับยูริกลับมาถึง ก็ได้เจอคณะผู้หญิงมากมายที่มารอรับไคล์ คณะผู้หญิงพวกนี้ ถูกจัดเตรียมมาเพื่อให้ไคล์เลือกสำหรับแต่งเป็นมเหสีหรือเป็นสนม โดยในบรรดาผู้หญิงทั้งหลาย ก็มีองค์หญิงสูงศักดิ์หลายคน ซึ่งก็มีบางคนเคยลึกซึ้งกับไคล์มาก่อนด้วย (สมัยยังเจ้าชู้) (มีองค์หญิงน้อยอเล็กซานเดรียที่ติดใจยูริก่อนหน้านี้ และหลานสาวของนาเกีย รวมอยู่ด้วย) วัตถุประสงค์ของนาเกียคือ เพื่อแยกไคล์กับยูริ จะได้จัดการกับยูริได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
นาเกียจัดให้
ผู้หญิงคนบนคือหลานสาวของนาเกีย ถัดมาก็อเล็กซานเดรีย อีกคนตัวประกอบ มาสั้นๆแล้วจากไป
เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ยูริก็ได้แต่ไม่สบายใจ ยิ่งมาเจอกับผู้หญิงเก่าของไคล์ก็ยิ่งไม่สบายใจ แต่ด้วยเป็นคนที่ไม่ชอบแข่งขันกันกับใคร โดยเฉพาะเรื่องการแย่งผู้ชายยิ่งแล้วใหญ่ แต่ในระหว่างนี้ ยูริก็โดนแกล้งตลอด ยิ่งไคล์ทำเป็นเมินบรรดาผู้หญิงทั้งหลายและให้ความสนใจยูริ ยูริยิ่งโดนหมั่นไส้และถูกกลั่นแกล้ง แต่ยูริก็ไม่เคยโต้ตอบ

ด้านไคล์ แม้จะอยากเข้าไปช่วยยูริที่โดนกลั่นแกล้ง แต่ก็แข็งใจไม่เข้าไปช่วย เพราะอยากให้ยูริยืนหยัดและจัดการกับปัญหาต่างๆ ได้ เพราะการที่จะเป็นราชินี จะต้องดูแลวังหลังให้ได้ แต่ดูท่าทางที่ยูริไม่ชอบมีปัญหากับผู้หญิงด้วยกัน ก็ยิ่งน่าเป็นห่วงว่าจะไม่รอด แต่คนที่นิ่งเฉยไม่ได้กลับเป็นรูซาฟา โดยรูซาฟาก็เข้ามาโวยวายขอให้ไคล์ช่วยจัดการอะไรสักอย่างกับการที่ยูริโดยแกล้ง แต่เมื่อได้ฟังเหตุผลของไคล์แล้วก็ต้องยอมรับไป

บรรยากาศของการแก่งแย่งกันของผู้หญิงก็ดำเนินต่อไป จนถึงคืนจัดงานเลี้ยงที่นาเกียจัดให้ เพื่อให้ไคล์เลือกผู้หญิง ยูริก็โดนแกล้งให้นั่งด้านหลัง แต่ยูริก็ตัดสินใจว่าแกล้งกันแบบนี้ ก็มีตอบโต้บ้าง โดยอาสาจะระบำหน้าพระพักตร์ (ฝีมือยูริเราเคยเห็นมาแล้วจากที่เคยปลอมตัวเป็นนางรำตอนไปรบ) แต่ระหว่างที่กำลังระบำ (อย่างสวยงาม) จู่ๆ ชุดก็ขาด (โดนแกล้ง) จนเกือบเปลือยต่อหน้าทุกคน เมื่อไคล์เห็นดังนั้น คราวนี้ปล่อยผ่านไม่ได้ จึงยื่นมือเข้ามาช่วย ยิ่งทำให้ยูริโดนหมั่นไส้เข้าไปอีก

จนกระทั่งการกลั่นแกล้งรุนแรงขึ้น เมื่อมีองค์หญิงคนหนึ่ง แกล้งให้เอาแมงป่องที่พิษไม่แรงมาก มาปล่อยบนเตียงยูริ ซึ่งบรรดาสามสาวก็ช่วยกันตีตายหมด แต่คราวนี้ยูริยอมไม่ได้แล้ว เพราะว่าไคล์มาหาตัวเองบ่อยๆ ทำแบบนี้อาจจะทำให้ไคล์ได้รับบาดเจ็บก็ได้ อย่างนี้ยูริยอมไม่ได้ ก็เลยไปโวยวายกับคนทำ
อย่าให้หล่อนโมโห
ระหว่างที่ยูริวิ่งมาเอาเรื่องกับคนแกล้งนั้น มีทหารได้ยินว่ายูริโดนแมงป่องต่อย ก็เป็นห่วงไปถามหายาแก้พิษ จนชาวบ้านรู้ข่าวกันว่าอิชทาร์ถูกแมงป่องต่อย ก็แห่กันเอายามาถวายกันยกใหญ่ จากปรากฎการณ์ครั้งนี้ ก็ทำให้บรรดาองค์หญิงต่างๆ ประจักษ์ถึงอำนาจและบารมีของยูริได้ (แต่ยังไม่ถอยกันค่ะ)

ชาวบ้านแห่กันเอายาแก้พิษมาให้อิชทาร์
แล้วระหว่างที่ยื้อเรื่องกันอยู่นี้ นาเกียก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกจนได้ เมื่อทางไคล์ได้ข่าวว่านาเกียส่งน้ำดำ (ที่มีเวทย์สะกดจิตคน) ออกไป แต่ปัญหาคือไม่รู้ว่าส่งไปให้ใคร ทำให้จากนี้ยูริเลยระแวงหมด ว่าใครกันแน่ที่ถูกนาเกียควบคุมอยู่

แล้วเช้าวันหนึ่ง องค์หญิงคนที่แกล้งเอาแมงป่องไปปล่อย ก็ถูกพบเป็นศพ เพราะถูกแมงป่องต๋อย เหตุการณ์เป็นเช่นนี้ คงไม่พ้นว่ายูริกลายเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง จากนั้นก็มีองค์หญิงอีกคนตาย และพบเชือกจากชุดยูริอยู่ที่บริเวณศพ เหตุการณ์เริ่มคับขัน เมื่อยูริกำลังถูกสร้างสถานการณ์ป้ายความผิด ต่อมาเมื่อยูริเผลอ (ระหว่างที่กำลังแอบสืบเรื่อง) ก็ถูกตีจนสลบ แต่เมื่อฟื้นมาก็พบว่ามีศพองค์หญิงอีกองค์อยู่บนตัวตนเองซะแล้ว

มาถึงขั้นนี้ หลักฐานมัดตัวยูริแน่น จนปฏิเสธลำบาก (หนึ่งในองค์หญิงที่ตาย มีหลานนาเกียอยู่ด้วย) แต่ด้วยไคล์ช่วยอยู่ ยูริจึงถูกแค่จำกัดบริเวณ

ระหว่างที่ฝ่ายไคล์กำลังหาทางแก้เกมอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีการตายเกิดขึ้นอีก ทั้งๆ ที่ยูริก็ยังถูกกักบริเวณอยู่ ทีนี้ก็งงกันไปสิค่ะ เพราะเรื่องทั้งหมดน่าจะเป็นแผนนาเกียที่ต้องการใส่ร้ายยูริ ดังนั้นแล้ว ทำไมจึงยังให้มีการตายเกิดขึ้นอีก (เพราะเท่ากับพิสูจน์ว่ายูริบริสุทธิ์) ความคลาดเคลื่อนนี้เกิดขึ้นโดยที่อยู่เหนือความคาดหมายของนาเกียเหมือนกัน เพราะนาเกียไม่ได้สั่งให้ไปฆ่าใครอีก นาเกียจึงสัณนิฐานว่า องค์หญิงที่นางควบคุมอยู่นั้น น่าจะมีความหึงหวงและอาฆาตมากเกินกว่าที่นางจะควบคุมได้

เมื่อยูริพ้นข้อกล่าวหา และได้ข้อสัณนิฐานเช่นเดียวกับนาเกีย ว่าองค์หญิงที่ถูกควบคุม น่าจะฆ่าโดยที่นาเกียไม่ได้สั่ง และอาจจะเพราะความหึงหวง ยูริจึงได้ไอเดีย โดยการให้เชิญองค์หญิงที่เหลือ (เหลือ 3 คน หนึ่งในนี้องค์หญิงอเล็กซานเดรียยังอยู่) แล้วก็แสดงบทจู๋จี๋กับไคล์ต่อหน้า จนมีองค์หญิงองค์หนึ่งทนไม่ไหวลุกขึ้นมา แล้วก็เจอฆาตกรที่ถูกนาเกียควบคุมอยู่จนได้
จู๋จี๋กันต่อหน้า นางทนไม่ไหว ลุกขึ้นมา คนนี้คือคนที่ถูกนาเกียควบคุมให้ไปฆ่าคนอื่น เพื่อใส่ร้ายยูริ
แล้วทันใดนั้น องค์หญิงที่ถูกควบคุมก็คว้าอเล็กซานเดรียที่อยู่ใกล้ๆ มาเป็นตัวประกัน โดยยื่นข้อเสนอให้ไคล์แต่งกับตนเอง ยูริแก้สถานการณ์โดยต่อรองให้เอาตัวเองเป็นตัวประกันแทน จังหวะที่กำลังแลกเปลี่ยนตัวประกัน ยูริก็ใช้เท้าเตะมีดออกไปได้ แต่องค์หญิงที่หน้ามืดเกินควบคุมยังไม่ยอม กลับคว้ายูริแล้วตกกำแพงวังไปด้วยกัน ไคล์ที่คว้ายูริไว้ไม่ทันนั้น ก็ตัดสินใจใช้อำนาจลมที่ตัวเองมี (ลืมไปล่ะ ว่าไคล์ก็เป็นนักบวชชั้นสูงที่ใช้ลม ทั้งเรื่องเห็นใช้แค่ตอนจะส่งยูริกลับ) ดังนั้น ระหว่างที่ยูริและองค์หญิงตกลงไป ก็ได้ลมช่วยพยุงไว้ อีกทั้งลมยังดันจนองค์หญิงคายน้ำดำออกมาได้

ตั้งใจจะตายด้วยกันแล้วจ้า
ลืมไปนานล่ะ ว่าพระเอกเรามีเวทย์ลม
ช่วยไว้ได้จ้า แถมองค์หญิงก็คายน้ำดำออกมาด้วย
แล้วทั้งหมดก็ลงมาตามหายูริกับองค์หญิงด้วยกัน แต่กลับพบแต่องค์หญิงเท่านั้น แล้วยูริหายไปไหนล่ะ!

เมื่อยูริฟื้นขึ้นมา กลับพบว่าตัวเองอยู่กับรูซาฟาที่ท่าทางแปลกไปในกระท่อม ยังไม่หายแปลกใจว่าทำไมมาเจอรูซาฟาในที่แบบนี้ ก็เจอกับอุลฮี แล้วอุลฮีก็เฉลยถึงท่าทีที่แปลกไปของรูซาฟา ว่ายูริเดาได้ถูก รูซาฟาโดนน้ำดำของนาเกียนั่นเอง คราวนี้นาเกียส่งน้ำดำออกมาสองส่วน โดยให้คนที่เกลียดยูริมาก และให้คนที่รักยูริมาก นั่นละยูริจึงรู้ความรู้สึกของรูซาฟา แล้วอุลฮีตั้งใจจะจับตัวยูริไว้จนทุกคนเลิกตามหาแล้วพาไปให้นาเกียบูชายัน

ไคล์ที่รู้ว่ายูริหายไปนั้น ฝีมือนาเกียแน่ เมื่อหาไม่เจอ จึงไปไล่เรียงถามนาเกีย แต่นางกระต่ายขาเดียวว่าไม่รู้เรื่อง แต่คราวนี้ไคล์หายอมไม่ ยื่นคำขาดให้ประกาศไปว่า หากยูริไม่กลับมาภายในคืนนี้ ไคล์จะทำพิธีบูชาเทพ โดยใช้ของชั้นสูงบูชายันต์ นั่นคือ ตั้งใจแล้ว หากอุลฮีไม่คืนยูริมา จะบูชายันต์นาเกียซะ!
หากยูริไม่กลับมาภายในคืนนี้ จะจัดการบูชายันต์ซะ
ฟังแล้ว นาเกีย ยังไม่เชื่อว่าไคล์จะกล้า นางเป็นถึงชนนีและทาวานาอันน่าน่ะ เท่ากับกษัตริย์อกตัญญูกับชนนี แล้วประชาชนจะคิดอย่างไร แต่ไคล์กลับตอบกลับอย่าเย็นชาว่าให้นาเกียไปศึกษาประวัติศาสตร์ซะ กษัตริย์ที่หลงใหลสนมสามารถทำได้ถึงขนาดไหน ช๊อคค่ะ เมื่อนาเกียได้ยินก็ช๊อคค่ะ พร้อมทั้งตระหนักว่าคราวนี้ไคล์เอาจริงแน่
คราวนี้เอาจริงน่ะ!
ด้านยูริมีหรือจะยอมโดนจับตัวอยู่เฉยๆ ระหว่างดิ้นรนหลบหนี ก็ไปคว้าถูกชุดของอุลฮี จนเห็นแผลที่หลังมากมาย (เป็นปมของเรื่องต่อไปค่ะ)
ระหว่างระพิธีบูชาเทพ ขณะที่นาเกียกำลังใช้ความคิด น้องชายก็เข้ามาถามถึงเหตุฆาตกรรมคราวนี้ว่าเป็นฝีมือนาเกียจริงหรือ ทำไมถึงลงมือกับหลานตัวเองได้ (หลานนางก็ตาย) จนนางหลุดเล่าว่ามากกว่านี้นางก็ทำมาแล้ว ขนาดกษัตริย์องค์ก่อน (พี่ไคล์) หรือราชินีองค์ก่อน (แม่ไคล์) ก็ฝีมือนาง เมื่อน้องชายนางได้ฟังก็ถามถึงว่าไม่คิดถึงบาบิโลเนียบ้านเกิดบ้าน หากเกิดสงครามจะทำอย่างไร เท่านั้นล่ะ นางก็ระบายความอัดอั้นว่า บาลิโลเนียให้อะไรนาง นางเดินทางมาแต่งกับกษัตริย์คราวพ่อแต่เด็กด้วยตัวคนเดียว แล้วทำไมนางจะต้องทำเพื่อบาบิโลเนียด้วย
นึกถึงความหลังสมัยเป็นองค์หญิงน้อยมาถวายตัวในสภาพต่ำต้อยเหลือแสน
เมื่อน้องชายนาเกียช๊อคจนออกไปแล้ว นาเกียก็มารำลึกความหลังต่อ ในขณะที่กำลังเศร้าสลดรันทดในชะตาชีวิต ก็วิ่งร้องไห้จนไปพบกับหนุ่มน้อยผมทองคนหนึ่งกำลังชำระร่างกาย โดยด้านหลังมีรอยแผลเป็นมากมาย
นาเกียเจออุลฮีครั้งแรก สมัยเป็นองค์หญิงน้อยกับหนุ่มน้อย
เรื่องยังไม่ทันเคลียร์เรื่องอดีตของนาเกียกับอุลฮี (ปล่อยให้เป็นปมคาไว้) ก็กลับมาที่ปัจจุบัน ด้านอุลฮีก็รู้ข่าวประกาศของไคล์แล้ว จึงตัดสินใจที่จะคืนยูริไป โดยใช้วิธีนำจี้ (หินดำอันเดิม) ไปเป็นหลักฐานถึงยูริแล้วผูกกับฟากที่บ่งบอกสถานที่ติดกับศรยิงที่บริเวณกลุ่มคนสนิทของไคล์ แต่ในระหว่างนี้ก็ปล่อยให้รูซาฟาอยู่กับยูริ พร้อมบอกว่าให้รูซาฟาทำตามใจปรารถนา ยูริได้ยินก็ช๊อคค่ะ รูซาฟายิ่งไม่ปกติ ถูกมนต์ควบคุมอยู่ จะโดนปล้ำอีกแล้วหรือ

ด้านกลุ่มคนสนิทของไคล์เมื่อได้เบาะแสของยูริ (ไคล์เตรียมทำพิธีอยู่) อีกทั้งนึกได้ว่าท่าทีของรูซาฟาแปลกไป ก็เริ่มรู้ว่ารูซาฟาน่าจะโดนมนต์แล้วจับยูริไปอยู่ ระหว่างที่กำลังไปช่วยยูริ คัชชุที่รู้ความรู้สึกของรูซาฟาก็เล่าเรื่องให้ทุกคนฟัง ทุกคนก็ได้แต่ภาวนาว่าขอให้รูซาฟาอย่าเพิ่งทำอะไรยูริ เพราะเรื่องจะไม่จบง่ายๆ แน่

ระหว่างที่กำลังลุ้นว่ารูซาฟาจะปล้ำยูริหรือเปล่า ทุกคนก็มาถึงกระท่อม แล้วก็พบว่ายูริกำลังร้องไห้ และรูซาฟาก็ก้มจูบปลายเท้ายูริอยู่ ทุกคนก็เข้าไปช่วยแก้เชือกให้ยูริ พร้อมทั้งชกท้องให้รูซาฟาคายน้ำดำออกมา แล้วยูริเล่าว่าหลังจากที่อุลฮีบอกให้รูซาฟาทำได้ตามใจชอบแล้วก็ออกไปนั้น รูซาฟาก็เอาแต่จูบเท้ายูริซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น
หลงใหลและหลงรักท่านยูริที่สูงส่งจนไม่กล้าแม้จะสัมผัส
เมื่อสถานการณ์ทางนี้ดีขึ้น ช่วยยูริได้แล้ว แต่ยูริก็เศร้าเสียใจที่ไม่อาจตอบรับความรู้สึกของรูซาฟาได้ แล้วควรจะทำตัวอย่างไร คัชชุก็ได้พูดให้สถิติว่า ยูริไม่ต้องทำอะไร เพราะแท้จริงแล้วรูซาฟาตั้งใจจะเก็บความรู้สึกเป็นความลับ แล้วยูริก็ควรจะนึกถึงแต่ไคล์ด้วย

เมื่อทั้งหมดช่วยยูริได้แล้ว ก็รีบเดินทางไปหาไคล์ที่กำลังจะเริ่มพิธี แต่ไปพบกับอิลที่อยู่ด้านหลังพิธี ระหว่างที่กำลังคิดอยู่ว่า ยูริจะโผล่ไปอย่างไร อิลก็เกิดปิ้งไอเดีย ถามยูริว่าดำน้ำแข็งหรือไม่ เพราะจะให้ยูริดำน้ำไปโผล่ที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ไคล์กำลังทำพิธีอยู่ ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น ดังนั้นการปรากฏกายของยูริจึงประหนึ่งเทพอิชทาร์ปรากฏกายจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์เลยทีเดียว
โผล่มาจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์
เมื่อไคล์ได้ยูริกลับมา นาเกียก็รอดตัวไปค่ะ แล้วเหตุการณ์ทั้งหมดท่ามกลางสายตาประชาชน ประชาชนก็เริ่มกู่ร้องเรียกยูริ อิชทาร์ เป็นทาวานาอันน่า (ทั้งๆ ต่อหน้านาเกียที่ดำรงตำแหน่งทาวานาอันน่าอยู่)

เมื่อไคล์ได้ยูริกลับมาคราวนี้ ก็ได้ขอยูริแต่งงาน นั่นหมายถึงว่าจะแต่งตั้งยูริเป็นราชินีด้วย
ขอแต่งงานแระ
ฟากนาเกียกับอุลฮี อุลฮีก็ได้แต่บอกเสียดายที่ยังไม่สามารถเอาชีวิตยูริได้สำเร็จ แต่สำหรับนาเกียนั้นกลับดูไม่ยี่ระ พร้อมทั้งอธิบายว่าหลังจากนี้ตัวเองไม่จำเป็นจะต้องเอาชีวิตยูริอีกแล้ว เพราะยูริมีความสำคัญกับไคล์มากเกินไป ดังนั้นตัวตนของยูริก็เป็นอันตรายต่อไคล์อยู่แล้ว โดยที่ตัวเองไม่ต้องเอาชีวิตยูริมาบูชายันต์ทำพิธีสาปแช่งอีก พร้อมทั้งเชื่อมั่นว่ารุ่งขึ้นไคล์ต้องแต่งตั้งยูริเป็นราชินีแน่

แล้ววันรุ่งขึ้นไคล์ก็ขอแต่งตั้งยูริจริงดังคาดการณ์ ซึ่งผลที่ออกมาคือทำให้สภาขุนนางมีความคิดเห็นแตกเป็นสองส่วน คือสนับสนุนยูริ และไม่เห็นด้วยเพราะยูริไม่มีเชื้อสาย ที่นี้ก็เหลือเพียงความคิดเห็นของทาวานาอันน่า แต่แล้วนาเกียกลับทำให้แปลกใจ โดยการสนับสนุนให้ยูริเป็นราชินี แต่... นาเกียมีข้อแม้ว้า หากยูริสามารถดำรงตำแหน่งเป็น ผบ.ทบ. ได้

แน่นอนอยู่แล้ว เมื่อฟังข้อเสนอของนาเกีย ยูริย่อมปฏิเสธ ด้วยเดิมทีก็เจียมตัวอยู่แล้ว แล้วให้มาเป็น ผบ.ทบ. อีก มันหนักเกินไป แต่ไคล์กลับไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ด้วยไม่ใช่เพราะเชื่อมั่นยูริอย่างเดียว แต่พี่ท่านเอาแต่ใจล่ะ ว่าจะเอายูริเป็นราชินีให้ได้ โดยไม่สนใดๆ ทั้งสิ้น

อุลฮีที่ไม่เข้าใจนาเกียว่าทำไมจึงสนับสนุนยูริ นาเกียจึงอธิบายด้วยความมั่นใจว่า หากเกิดอะไรขึ้น ไคล์ก็จะล้มเอง เพราะรักยูริมากเกินไป โดยที่ตัวเองไม่ต้องทำอะไร (ตระหนักจากที่ไคล์จะเอาตัวเองบูชายันต์ เพื่อยูริ)

ความตั้งใจของนาเกียนั้น อิลเองก็รู้ ดังนั้นเมื่ออิลบอกกล่าวแก่เหล่าคนสนิทของไคล์ทั้งหลาย จากที่ทุกคนดีใจที่ยูริจะได้เป็นราชินี ก็เริ่มเอนเอียงว่าหรือควรจะไม่ให้ยูริรับตำแหน่งเพราะมันเสี่ยงเกินไป แต่อิลกลับบอกว่าอย่างไรก็ตามก็ต้องให้ยูริรับตำแหน่ง แม้จะเป็นการเดิมพันกับการประเมินของนาเกียก็ตาม

แม้เหตุการณ์ทั้งหลายจะส่งให้ยูริรับตำแหน่ง แต่ยูริกลับยังลังเล เพราะเจียมตัวว่าตัวเองจะมีความสามารถพอหรือ แต่ยังไม่ทันตัดสินใจ แล้วก็ถึงเวลาตัดสินโทษขององค์หญิง(ที่โดนน้ำดำ) และรูซาฟา โดนองค์หญิงรับโทษให้เป็นนักบวชในวิหารที่ห่างไกล ส่วนรูซาฟาก็ถูกลดขั้นเป็นทหารธรรมดา

ในการที่ยูริออกมาส่งองค์หญิงที่จะเดินทางไปวิหารเพื่อเป็นนักบวช ยูริก็ได้ดูความเป็นอยู่ของชาวบ้าน แล้วก็พบว่าทหารของราชินีกำลังรังแกชาวบ้าน จึงได้เข้าช่วยเหลือ แต่แม้กระนั้นยูริก็ยังไม่มั่นใจว่าจะช่วยไคล์ดูแลฮิตไทต์ได้ แล้วก็เปรยถึงสิ่งที่กังวลออกมา นั่นคือตัวเองไม่ใช่คนฮิตไทต์ คิกคูรี่กับสามสาวที่ตามมาด้วย จึงได้บอกว่าตัวเองก็ไม่ใช่คนฮิตไทต์เหมือนกัน ดังนั้นจึงทำให้ยูริมีความมั่นใจขึ้น จนตัดสินใจที่จะรับตำแหน่ง ผบ.ทบ. แล้วพิสูจน์ผลงาน เพื่อเป็นราชินี

to be continue...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น