ระหว่างที่บรรดาแม่ทัพกำลังซึมซาบกับการรวมกษัตริย์และองค์ชายทุกๆ อาณาจักร ที่คงหาไม่ได้อีกแล้ว แต่แล้วก็สังเกตเห็นคนบางคน แล้วพวกแม่ทัพก็หันมาซุบซิบนินทากันเองว่านายคนนี้ซิน่ะ ที่มีเรื่องกับกษัตริย์เรา
แล้วยูริที่เมื่อหมดหน้าที่แล้วก็เข้าไปทักทายรามเสสประสาคนรู้จัก แล้วรามเสสก็อดหยอดยูริไม่ได้ จนมีไคล์เข้ามาขัด แล้วก็เป็นศึกระหว่างผู้ชายที่ถกกันว่าใครจะรู้จักใฝและรอยแผลเป็นของยูริมากกว่ากันซึ่งคนมาห้ามทัพกลับเป็นองค์ชายรัตติกาล
แล้วก่อนจากลา รามเสสก็หันมาบอกให้ยูริรู้ว่า ครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้พบกัน เพราะหลังจากนี้คงจะไม่มีสงครามกันอีกนาน ซึ่งก็จะไม่มีเหตุจำเป็นให้ได้พบกันอีก ยูริที่ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ก็อดจะตกใจไม่ได้ แล้วรามเสสก็อดจะหยอด แบบเอาจริงกับยูริอีกครั้งไม่ได้ เผื่อว่ายูริจะเปลี่ยนใจยอมตามกลับไปอียิปต์ด้วย แม้จะรู้ดีว่ายูริไม่มีทางตกลงก็ตาม (ซึ่งต่อมาในภายภาคหน้า รุ่นหลานของทั้งคู่ก็ได้อภิเษกกัน หลานของรามเสสได้รับการยกย่องว่าเป็นฟาโรห์ที่มีชื่อเสียงมากพระองค์หนึ่งของอียิปต์)
เมื่อหมดศึกนอก ก็ได้เวลากลับมาจัดการกับศึกใน กองทัพทั้งหมดเดินทางกลับเมืองหน้าด่าน โดยมีอิลบานี่ ฝาแฝด และองค์หญิงอเล็กซานดร้า ที่ไม่ได้ไปยังแนวหน้า มารอต้อนรับ และอิลบานี่เองก็ได้จัดเตรียมของขวัญไว้ให้ด้วย ของขวัญชิ้นนี้คืออุลฮี แล้วอุลฮีถูกจับได้อย่างไร
นอกจากนี้อิลยังมีเซอร์ไพส์ให้อีกอย่าง นั่นคือจูดาที่ได้สติแล้ว
ระหว่างนี้เกิดอะไรขึ้น อิลบานี่ทำได้อย่างไร
อิลบานี่และองค์หญิงก็เริ่มเล่าถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้ว่า ในตอนที่ไคล์รวบรวมกำลังเพื่อสู้ศึกกับอียิปต์ องค์ชายจูดาก็เป็นหนึ่งในองค์ชายที่นำทัพจะมาเข้าร่วมด้วย แล้วอิลที่รู้ข่าวก็ทำทีเป็นขอเข้าเฝ้า แล้วใช้วิธีหักดิบบังคับชกท้องแล้วกรอกน้ำ (โหดมากพี่อิล ทำกับจูดาคุงได้) เพื่อให้องค์ชายจูดาคายน้ำดำออกมา จนสติกลับมาดังเดิมได้
เมื่อองค์ชายจูดากลับมาได้สติแล้ว อิลก็ถามว่าจำเรื่องราวทั้งหมดได้หรือไม่ ซึ่งองค์ชายจูดาจำได้หมดทุกอย่าง และพร้อมให้ความร่วมมือทุกอย่าง อิลจึงขอให้จูดาช่วยหลอกล่ออุลฮีออกมา ซึ่งก็สำเร็จ อุลฮีหลงกลและก็ถูกจับได้
เมื่อทราบที่มาที่ไปทั้งหมดแล้ว ไคล์ก็เตรียมที่จะสอบสวนอุลฮี ยูริที่แอบสงสารก็จะรีบเข้าไปแกะผ้าปิดปาก แต่อิลรีบห้ามไว้ พร้อมบอกว่าที่ต้องมัดไว้เช่นนี้ เพราะอุลฮีพยายามกัดลิ้นฆ่าตัวตาย เมื่อเป็นเช่นนี้ แผนเรื่องการสอบสวนและจะให้อุลฮีเป็นพยายานให้ คงพึ่งพาไม่ได้เสียแล้ว
ระหว่างนี้จูดาที่รูสึกผิดต่อเสด็จพี่อย่างมากมาย แต่ตนเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้ดีไปมากกว่านี้แล้ว แล้วทางยูริเองก็เริ่มสงสัยว่าทำไมอุลฮีถึงต้องทำเพื่อนาเกียขนาดนี้ (ลึกๆ แล้วยูริเริ่มสงสัยว่านาเกียและอุลฮีจะมีสัมพันธ์กันมากกว่านายบ่าวหรือเปล่า)
แล้วคณะทั้งหมดก็เดินทางกลับเมืองหลวงฮัตตูซ่า ซึ่งสถานการณ์การเมืองภายในได้เปลี่ยนไปแล้ว ด้วยชัยชนะจากสงคราม และผลงานของยูริที่เป็นที่ประจักษ์ ทำให้ภายในราชสำนักให้การยอมรับยูริในฐานะมเหสีข้างกายไคล์ อีกทั้งก่อนนี้ตัวนาเกียเองก็มีคดีมากมายที่ไม่ได้เคลียร์ และตั้งแต่นั้นนาเกียก็เก็บตัวไม่ค่อยออกมานานแล้ว
![]() |
เมื่อยิ่งลือกันไปใหญ่ ยูริก็หาจังหวะเข้าไปถามไคล์ตรงๆ ไคล์ที่แม้จะทำสีหน้าหนักใจ แต่ก็ยืนกรานอย่างหนักแน่นว่าจูดาคือน้องชายของตน ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไรก็ตาม (เขารักน้องเขาอ่ะ) และจูดาจะมีผมสีทองก็ไม่แปลก เพราะบรรพบุรุษก็มีคนที่มีผมสีทองอยู่ด้วย
ยูริที่เข้าใจความรู้สึกของไคล์ก็เข้าไปกอดให้กำลังใจ ขณะนั้นอิลบานี้ก็เข้ามาบอกกำหนดการที่จะเชิญนาเกียให้ออกมาประชุม เพื่อที่จะสอบสวนกดดัน
และแล้วก็ถึงเวลาชำระคดีความกับนาเกีย โดยเริ่มจากคดีติดต่อกับอียิปต์ โดยมีหลักฐานคือแผ่นดินเหนี่ยวตราของนาเกีย ซึ่งขนาดนี้แล้ว นาเกียก็ยังคนยืนกรานกระต่ายขาเดียวว่า ไม่รู้เรื่อง ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไรก็ตาม
การยืนกรานของนาเกีย ทำให้ยังไม่มีใครทำอะไรนางได้มากเกินกว่ากักบริเวณ และรอเวลากดดันกันใหม่ ซึ่งไม่รู้ว่าด้วยความบังเอิญหรือตั้งใจ ห้องกักบริเวณของนาเกีย เป็นห้องที่อยู่เหนือห้องขังใต้ดินที่ขังอุลฮีอยู่ ซึ่งเมื่อยูริรู้ตัวและสงสัยก็ช้าไปเสียแล้ว นาเกียให้ใช้เวทย์น้ำ เพื่อช่วยเหลืออุลฮีออกมาได้แล้ว (เดิมทีพวกยูริระแวงว่านาเกียจะฆ่าปิดปากอุลฮี แต่นาเกียกลับเลือกที่จะช่วยอุลฮีให้หนีออกไป)
รุ่งขึ้น จูดาที่ทราบเรื่องก็เข้าไปโวยวายกับนาเกีย ให้เลิกทำเช่นนี้เสีย และเลิกคาดหวังที่ให้ตนได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ เพราะแม้แต่จูดาเองก็เชื่อตามข่าวลือที่ว่าอุลฮีอาจจะเป็นบิดาของตนเอง (สนทนาต่อหน้าไคล์และยูริที่ว่าจะเข้ามากดดันนาเกียต่อ) ซึ่งคำตอบของนาเกียคือสิ่งที่จูดาพูดล้วนเป็นเรื่องเหลวไหล จูดาคือองค์ชายในกษัตริย์พระองค์ก่อน และหากไคล์ไม่มีองค์ชาย จูดาคือคนที่จะได้ครองราชย์คนต่อไป
ขณะที่จูดากับนาเกียกำลังโต้เถียงกันอยู่นั้น จู่ๆ ก็พบว่าคนในวังของไคล์ถูกลอบฆ่าตาย และทำให้เกิดการสันนิฐานได้ว่า อุลฮีที่หลบหนีออกไปได้แอบลอบเข้าวังของไคล์ แต่เพื่ออะไรกันล่ะ ทั้งๆ ที่หลุดไปได้ ทำไมไม่หนีไป
ข้อสันนิฐานแรกของการกระทำของอุลฮีคืออาจจะมาแอบลอบสังหารไคล์ เพื่อให้จูดาได้ขึ้นครองบัลลังก์ จูดาที่รู้สึกแย่อยู่มากมายกับเรื่องราวเลวร้ายทุกอย่างที่มีต้นเหตุเพราะตนเองทั้งนั้น ก็กระตือรือร้นที่อยากจะทำประโยชน์ โดยอาสาที่จะช่วยตามหาอุลฮี
และระหว่างที่อุลฮียังลอยนวล ยูริก็ถูกบังคับให้ไปนอนกับไคล์ (ก่อนนี้ยูรินอนแยกห้องกับไคล์ในวังหลวง เพราะเรื่องสิทธิ์ของมเหสี) โดยอิลบานี่อ้างว่าเพื่อลดภาระในการอารักขา (แต่แท้จริงแล้วเจ้าพวกนี้ชอบหาเรื่องจับคู่ไคล์กับยูริอยู่แล้ว) ยูริที่ขอกลับห้องไปเอาเสื้อผ้า กลับพบว่าในห้องตัวเองถูกรื้นค้น และชุดตอนที่มาจากญี่ปุ่นหายไป
จูดาที่คอยตามหาอุลฮีไปทั่ว จนได้พบจนได้ และเมื่อได้พบกันแล้วจูดาก็รีบคาดคั้นหาความจริงว่า แท้จริงแล้วอุลฮีใช่บิดาของตนเองหรือไม่ อุลฮีที่ได้ยินจูดาถามเช่นนั้นก็รีบตอบว่าเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งเพ พร้อมย้ำว่าจูดาคือทายาทผู้สืบสายเลือดบัลลังก์ฮิตไทต์อย่างถูกต้อง และหากตนเองเป็นบิดาของจูดาจริง ตนเองจะรีบพาจูดาและพระมารดาออกจากวังไปให้ไกล ไปอยู่ที่ๆ ปลอดภัย ไม่ปล่อยให้อยู่ในวังหลวงเช่นนี้ แล้วระหว่างที่พูดคุยกันนี้ ทหารที่ตามรอยเลือดมาพบก็เข้ามาใกล้จนได้ อุลฮีเลยต้องจำใจชกท้องให้จูดาสลบก่อนที่จะหลบหนีไป
จากนั้นจูดาที่ฟื้นขึ้นมาก็รีบตามหายูริเพื่อจะแจ้งข่าวเรื่องอุลฮี แต่พบองค์หญิงอเล็กซานดร้าก่อน องค์หญิงน้อยจึงนำทางไปหายูริ แต่ยังไม่ทันได้เข้าไปคุย ก็เห็นยูริกำลังคุยกับอิลบานี่ (กลายเป็นจูดากับอเล็กซานดร้าแอบฟังผู้ใหญ่คุยกัน) โดยในการสนทนาของยูริกับอิลบานี่นั้น เป็นการสนทนาถึงว่าควรทำอย่างไรกันเล่าจึงจะทำให้นาเกียเลิกพยายามกระทำเรื่องเลวร้าย และก็ตามประสาอิลบานี่ เสนอทางออกที่ดีที่สุด (แต่ดูใจดำที่สุด) ว่าหากไม่มีองค์ชายจูดาสักคน ความฝันของนาเกียก็ไม่มีทางเป็นไปได้ จูดาที่ได้ยินดังนั้นจึงผลุนผลันหันหลังจากไป โดยไม่ทันได้อยู่ฟังว่า อิลบานี่ได้พูดต่อว่า แต่อย่างไรก็ตามองค์ชายจูดาก็ไม่ถึงกับจำเป็นจะต้องฆ่าตัวตายหรอก
องค์ชายจูดาที่ผลุดผลันออกไปนั้น ก็ครุ่นคิดว่าแม้ว่าอิลบานี่จะไม่พูดออกมา ตนเองก็รู้ดีอยู่แล้วว่าหากไม่มีตนสักคน เสด็จแม่ก็ไม่อาจจะคาดฝันถึงบัลลังก์จนก่อเหตุมากมายขนาดนี้ เมื่อครุ่นคิดคำนวณมาดังนี้ จึงตัดสินใจไปที่ห้องปรุงยาของนาเกีย แล้วเลือกดื่มยาพิษเพื่อจบชีวิตตนลง
องค์หญิงอเล็กซานเดรียที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย และเห็นว่าองค์ชายจูดาท่าทางแปลกๆ จึงหาโอกาสไปเล่าให้ยูริฟังถึงเรื่องราวทั้งหมด ยูริจึงรีบตามมาดูองค์ชายจูดา จนพบว่าองค์ชาจูดาล้มแน่นิ่งไปแล้ว
ไคล์และนาเกียที่รู้เรื่องจูดาพร้อมกัน เพราะอยู่ระหว่างที่ไคล์สอบสวนนาเกียอยู่ ก็รีบเดินทางตามมา นาเกียที่เป็นเจ้าของพิษก็รีบปรุงยาถอนแล้วป้อนจูดาทันที แต่จูดาไม่สามารถดื่มเข้าไปได้ ไคล์จึงคว้าถ้วยยามาดื่มแล้วประกบปากป้อนยาจูดาด้วยปาก จนจูดากลืนยาถอนเข้าไปได้
เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้นาเกียรับรู้ว่าไคล์ไม่ได้ตะคิดตะขวงใจกับจูดา อีกทั้งยังพยายามที่จะช่วยชีวิตจูดาไว้อีกด้วย อุลฮีเองที่ได้ข่าวการพยายามฆ่าตัวตายของจูดา ก็ตัดสินใจจับตัวประกันแล้วบุกเข้าไปยังโถงที่กำลังสืบสวนนาเกียอยู่ แล้วอุลฮีกลับมาทำไม หากกลับมาคงไม่พ้นตายแน่
ทั้งยังแสดงหลักฐานให้เห็นว่าตนนั้นไม่สามารถเป็นบิดาขององค์ชายจูดาได้โดยการเปลื้องผ้า เพื่อให้ทุกคนเห็นว่าตนนั้นเป็นขันทีและไม่สามารถมีบุตรได้
นั่นคือเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า องค์ชายจูดา ยังคงเป็นทายาทสายเลือดของกษัตริย์พระองค์ก่อน อุลฮีมาเพื่อสิ่งนี้นั่นเอง แม้ตนจะตายก็ตาม
กำลังเข้มข้น แต่ to be continue น่ะค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น