วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Anatolia Story (Part 6) by Chie Shinohara

ในขณะที่ยูริยังสลบอยู่ พวกฝาแฝดก็ทำทีเป็นถูกจับได้ จนได้อยู่กับยูริ (ที่ยังสลบ) แล้วหนึ่งในแฝดก็รีบเปลี่ยนชุดกับยูริ เพราะชุดที่ยูริใส่อยู่เป็นชุดของผู้หญิงชั้นสูง แล้วเหตุการณ์ก็พอเหมาะพอดีกับทหารไมเทนนี่มารายงานเจ้าชายรัตติกาลว่ามีข่าวลือแปลกๆ ว่าอิชทาร์ของฮิตไทต์อยู่ในทัพด้วย

องค์ชายรัตติกาลเลยสั่งให้รวบรวมผู้หญิงที่ดูท่าน่าจะเข้าเค้า แต่ยูริถูกเปลี่ยนชุดกับหนึ่งในแฝดแล้ว หนึ่งในแฝดเลยโดนเรียกออกไป ช่วงนี้ยูริเพิ่งฟื้น แล้วก็ลุ้นกันว่า แฝดที่ออกไปแทนยูริจะโดนจับได้มั้ย ซึ่งองค์ชายรัตติกาลก็เดินผ่านไป จังหวะที่ยูริถอนหายใจด้วยความโล่งอก องค์ชายรัตติกาลก็หันมาคว้าตัวยูริ ซึ่งก็ตกใจกันไป เฮ้ย รู้ได้ไงว่ะ ไม่ปล่อยให้สงสัยนาน พี่ท่านดมหัวยูริแล้วบอกว่าผมยูริมีกลิ่นกำยานซึ่งเป็นกลิ่นเฉพาะขององค์ชายชั้นสูงเท่านั้น (แม่งจมูกดีขนาดนั้นเลย) แล้วก็มั่นใจด้วยว่ายูริคืออิชทาร์ ชายาของเจ้าชายไคล์ แต่องค์ชายรัตติกาลยังไม่ฆ่ายูริโดยทันที แต่วางแผนที่จะประหารยูริเมื่อกลับถึงเมืองหลวง โดยต้องการที่จะฉีกหน้าไคล์ว่ายูริไม่ใช่อิชทาร์ (เพราะพี่ท่านไม่เชื่อ) และไคล์โกหกปั้นเรื่องขึ้นมาเอง (ซึ่งตอนแรกเขาก็ปั้นเรื่องขึ้นมาจริงๆ อ่ะ)

ระหว่างทางที่ยูริโดนจับควบคุมตัวไปที่เมืองหลวงนั้น ก็ได้เห็นการกระทำอันโหดร้ายต่อบรรดาเชลยศึก และก็ยังได้เห็นว่าอัสลันม้าคู่ใจก็โดนจับมาด้วย และเมื่อถึงเมืองหลวงแล้ว องค์ชายรัตติกาลก็จัดเวทีจัดการกับยูริโดยทันที โดยจับยูริผูกไว้กับเสาไม้ในลานกว้าง (คล้ายลานแกดิเอเตอร์) แล้วก็ปล่อยสิงโตออกมา ที่ต้องเป็นสิงโตเนื่องจากองค์ชายรัตติกาลต้องการพิสูจน์เรื่องอิชทาร์ เพราะเชื่อกันว่าสิงโตเป็นสัตว์ประจำตัวอิชทาร์ ดังนั้นถ้าเป็นอิชทาร์ตัวจริง สิงโตไม่น่าจะทำอะไรได้ อีกทั้งยังพนันกับยูริอีกด้วยว่าถ้ายูริรอดมาได้ จะทำตามคำขอของยูริหนึ่งข้อ (มั่นมากว่าหล่อนต้องตายแน่)

แต่เรื่องนี้นางเอกเราเทพ สิงโตกระโดดเข้าใส่ยูริทันที แต่ไม่โดนตัวยูริ ไปโดยไม้ค้ำที่ผูกยูริไว้ และระหว่างนั้นยูริก็ร้องเรียกอัสลันไปด้วย จนอัสลันวิ่งเข้าใส่ ยูริเลยสามารถขึ้นขี่อัสลันได้ เมื่อเห็นดังนั้นองค์ชายรัตติกาลจึงสั่งให้โยนฝาแฝดลงไปแทน ยูริเลยต้องขี่อัสลันกลับไปช่วยฝาแฝด โดยคว้าเสาไม้ที่ล้มอยู่ (ไม่ใหญ่มาก) แล้วพุ่งเข้าไปใช้ไม้ยึดกับผ้าที่ผูกตัวสิงโตอยู่แล้ว ท่ามกลางผู้คนที่มามุงดู (เหมือนแกดิเอเตอร์ แต่ไม่อลังเท่า) ก็เท่ากับว่ายูริสามารถปราบสิงโตลงได้ เลยยิ่งตอกย้ำว่ายูริเป็นอิชทาร์เข้าไปใหญ่ (อย่าถามน่ะ ว่าแล้วจริงๆ หล่อนใช่อิชทาร์ตัวจริงรึเปล่า เพราะไม่มีคำตอบให้เหมือนกัน5555 เรื่องไม่เฉลย ให้กลายเป็นแค่ว่าทุกคนยอมรับว่าหล่อนเป็นอิชทาร์)

เมื่อยูริรอดมาได้ ก็ต้องมาว่าที่เรื่องคำสัญญาที่ว่ายูริขอได้หนึ่งอย่าง ทางฝั่งเจ้าชายรัตติกาลมั่นใจแน่ว่ายูริต้องขอกลับฮิตไทต์ แล้วเขาวางแผนในใจ (แต่กระซิบคุยกับลูกน้องข้างหลัง) ว่าก็จะปล่อยยูริไป แต่ระหว่างทางค่อยจัดการยูริทีหลัง

และเอาเข้าจริงๆ ยูริกลับขอให้เจ้าชายรับปากว่าจะปฏิบัติกับเชลยอย่างดี แทนการขอกลับฮิตไทต์ บรรดาเชลยที่อยู่ตรงนั้น (รวมทั้งชาวไมเทนนี่ที่เป็นทหารและมีครอบครัวไปรบด้วย) ก็ซาบซึ้งกับยูริไป 
ซึ่งอยู่ต่อหน้าคนมากมาย องค์ชายก็จำเป็นจะต้องรับปาก แต่ก็ยังไม่วายถามยูริว่าทำไมไม่ขอกลับไป ยูริเลยตอบอย่างอวดดีว่าถึงขอกลับไปแต่ก็จะโดนฆ่ากลางทางอยู่ดี แต่ถ้าขอให้ทำดีกับเฉลย เจ้าชายไม่มีทางที่จะไม่ทำได้ เพราะมีพยานรู้เห็นอยู่เยอะ นี่คือช็อตที่หนึ่งที่เจ้าชายรัตติกาลทึ่งในความฉลาดทางการทูตของยูริ

หลังจากนั้น แทนที่ยูริจะโดนขังเหมือนเชลยทั่วไป เจ้าชายรัตติกาลยังเจ้าเล่ห์ ใช้สถานการณ์ให้เป็นประโยชน์ ไหนๆ ชาวบ้านยิ่งมีความเชื่อมั่นในอิชทาร์มากขึ้นแล้ว เลยเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ บังคับให้ยูริเข้าไปอยู่ในวังหลัง และปล่อยข่าวว่ายูริกลายเป็นชายาตัวเองไปแล้ว (ตั้งใจปล่อยข่าวไปให้เข้าหูพระเอก เพราะเหมือนจะหมั่นไส้ 555 รักกันดีนัก) ซึ่งก็ไปเข้าหูไคล์จริงๆ จนได้

เมื่อไคล์รู้ว่ายูริอยู่ในวังหลัง จึงทำทีเป็นส่งคัชชุมาส่งสารเพื่อขอแลกตัวประกัน (ซึ่งเป็นเรื่องแปลก นั่นคือแค่หาเรื่องส่งคนเข้ามา) และขอเข้าเฝ้ายูริ และนี่คือวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของเจ้าชาย คือให้คัชชุแอบส่งสารให้ยูริ (เป็นสมัยที่ไม่ใช้กระดาษ แม้มีกระดาษปาปิรุสแล้ว แต่แพงมาก เลยนิยมใช้ก้อนดินเหนียว เกร็ดความรู้จ้า) 

แล้วยูริกับฝาแฝดก็หลบมากระเทาะก้อนดินเหนียว (สารจริงเป็นก้อนด้านใน ชั้นนอกเหมือนซองจดหมาย) พบว่าข้างในคือก้อนดินเหนียวที่วาดรูปหัวใจซึ่งมีแค่ยูริเข้าใจว่าไคล์ต้องการบอกอะไร (ยังจำกันได้อยู่บ่)

เดิมทีเริ่มแรกที่เข้ามาในวังหลังก็มีการพาทัวร์ ที่น่าสนใจคือมีห้องอยู่ห้องหนึ่งที่เจ้าชายรัตติกาลหวงมาก ใครเข้าไปพ่อฆ่าหมด คนพาทัวร์เลยเตือนยูริไว้ และจริงๆ ยูริก็ไม่ได้สนใจอะไรเลยนอกจากเรื่องหนี

องค์ชายรัตติกาลมีสนมเอกอยู่หนึ่งคน (ในบรรดาสนมหลายสิบ) ชื่อนาเดีย (คุ้นๆ มั้ย) น้องของราชินีนาเคียเรานี่เอง แล้วเรื่องก็พ้อยท์ไปที่ว่าอุลฮียังไม่ไปไหน มาอยู่กับนาเดีย และคอยสนับสนุนให้จัดการกับยูริให้ได้ แผนเริ่มแรกเลย คือ แอบส่งสารปลอมว่าไคล์ส่งมาและนัดให้ยูริไปเจอที่ห้องต้องห้ามที่ว่า เมื่อถึงเวลานั้นยูริก็ไปจริง (เพราะเคยได้รับสารลับจากไคล์มาแล้ว เลยคิดว่าอันนี้คือฉบับที่ 2 แต่ตัวยูริเองก็ไม่รอบคอบด้วย ว่าไม่มีตราของไคล์ ความรักมันบังตาล่ะหนา) แล้วนาเดียก็ไปฟ้ององค์ชาย หวังว่ายูริหล่อนต้องโดนฆ่าแน่ แต่ในขณะที่กำลังเงื้อดาบจะฟันนั้น องค์ชายกลับเห็นยูริซ้อนกับภาพของผู้หญิงอีกคน เลยยั้งมือ จากนั้นก็ได้คุยจนรู้ว่ายูริโดนหลอกมา และรู้ว่าคนหลอกคือนาเดีย เมื่อนาเดียโดนจับได้ หล่อนก็พรั่งพรูว่าหล่อนหึง และยังได้หลุดชื่อผู้หญิงคนหนึ่งออกมา (ทาตูเคีย มั้งน่ะ ไม่ชัวร์ล่ะ) ว่าองค์ชายยังไม่ลืม และที่หวงห้องนี้เพราะเป็นห้องของทาตูเคีย แล้วเหมือนชื่อนี้จะเป็นชื่อต้องห้าม องค์ชายจะหันไปฟันนาเดียทันที แต่ยูริเข้าขวางไว้ และเรื่องราวก็ผ่านพ้นไปแค่นั้น

แม้ที่ผ่านมายูริคิดแต่จะหนี แต่แล้วยูริก็เปลี่ยนความคิดว่าอยากทำตัวให้เป็นประโยชน์ และนึกถึงที่ไคล์เคยสอนได้ ว่าในการทำสงคราม สิ่งที่ยากที่สุดคือการเข้าเมือง ดังนั้นตอนนี้ยูริอยู่ในเมืองแล้ว ก็จะหาวิธีเปิดประตูให้ไคล์ตอนไคล์มาถึง และแผนการในเบื้องต้นของยูริคือ จะใช้เชลยที่อยู่ในเมืองให้เป็นประโยชน์ รุ่งขึ้นยูริเลยขอไปดูพวกเชลย โดยให้เหตุผลว่าจะไปดูว่าเจ้าชายรักษาสัญญาหรือไม่

เมื่อไปถึงบริเวณที่เชลยทำงาน ก็ดูเหมือนไม่มีอะไรมาก เป็นงานใช้แรงงานตามปกติ แต่อยู่ๆ ยูริก็ได้ยินเสียงโวยวายขึ้นมา นั่นคือมีคนงานบาดเจ็บและกำลังจะโดนพาไปที่พักสำหรับคนบาดเจ็บ แต่เจ้าตัวร้องโวยวายมาก ยูริเลยสงสัยว่าเขาจะพาไปพักทำไมต้องโวยวาย จนเชลยที่คุยอยู่เล่าให้ฟังว่าสถานที่นั้นเหมือนเป็นที่รอความตายมากกว่า เพราะคนที่เข้าไปแล้วยังไม่มีใครหายแล้วออกมาเลย

เอาละยูริสงสัยละ เลยบุกเข้าไปดู แล้วก็พบว่าเป็นที่รอความตายจริงๆ เหมือนแค่เอาคนเจ็บและคนป่วยมาทิ้งไว้รวมๆ กัน ไม่มีการดูแล การรักษา การทำความสะอาดใดๆ ทั้งสิ้น และก็มีคนป่วยในนั้นพูดว่ายูริไม่ควรอยู่ที่นี่ ที่นี่เป็นที่สำหรับคนจนที่รอความตายเท่านั้น ยูริได้ยินเลยโมโหกับการพูดท้อแท้แบบนั้น เลยสั่งการพวกแฝดให้เริ่มทำความสะอาด และยูริจะไปตักน้ำ แต่ทหารที่ตามมาไม่ยอม เพราะยูริไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหน ยูริเลยบอกให้ทหารไมเทนนี่ที่ว่านั่นล่ะ ไปตักน้ำ (ขนาดทหารไมเทนนี่ ยังทำตามหล่อนล่ะ) และแม้ว่าแฝดจะทักว่าแล้วธุระเรื่องเตรียมการกับพวกเชลยล่ะ แต่ยูริเห็นคนป่วยเหล่านี้สำคัญกว่า แล้วยูริก็จัดการโมดิฟายทุกอย่างใหม่หมด ทำแม้กระทั้งขนผ้าและพรหมจากในวังมาใช้ แล้วข่าวเรื่องยูริก็แพร่ออกไปจนชาวบ้านเริ่มมาช่วย และนี่คืออีกวีรกรรมหนึ่งที่ชาวบ้านร่ำลือถึงท่านอิชทาร์

มีช็อตรายละเอียดที่ขอเสริม เพราะจำได้แม่น ในขณะที่ยูริกำลังซักผ้าอย่างเริงร่า พวกแฝดที่เดิมทีได้แต่หงุดหงิดว่ายูริโดนกระแหนะกระแหนจากบรรดานางทั้งหลายในวังเรื่องความปอนๆ ไม่รักสวยรักงาม แต่แล้วแฝดก็ได้ยินพวกชาวบ้านชื่นชมยูริว่า "สวย" (สภาพปอนๆ ซักผ้าอยู่) ยิ่งทำงานยิ่งสวย เป็นคนสวยที่จิตใจ (เสริมๆ มา เพราะครั้งแรกที่อ่าน นึกถึง our princess เลยอ่ะ)

กลับมาทางด้านไคล์ 
เมืองไมเทนนี่นั้น เป็นเมืองที่ถ้าจะฝ่าเข้าเมืองหลวงจะต้องฝ่าด่านถึงสามชั้นด้วยกัน และเจ้าชายรัตติกาลประเมินไว้ว่าแต่ละชั้นก็น่าจะใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งปีเลยนอนใจ แต่อยู่ๆ ไคล์ก็พุ่งพรวดเข้ามาแล้วสองชั้น จนเจ้าชายรัตติกาลต้องออกรบเอง พร้อมกับความสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น

เมื่อยูริเห็นว่าเจ้าชายรัตติกาลจะออกจากเมือง ก็กะจังหวะที่จะเริ่มดำเนินการ จึงตั้งใจที่จะไปหาเชลยที่แข็งแรงให้เป็นธุระออกไปส่งข่าวให้ แต่กลับได้พบว่าเจ้าชายซานันได้ลอบเข้ามาเป็นเชลย เพราะไคล์ให้ซานันมาพาตัวยูริออกไป ด้วยใกล้ได้เวลาที่ต้องส่งยูริกลับญี่ปุ่นแล้ว แล้วยูริก็ต้องฝ่าฟันกับจิตใจตัวเองระหว่างช่วยไคล์รบกับกลับญี่ปุ่น (ชั้นว่าหล่อนไม่ได้กลับหรอกย่ะ) ซึ่งสุดท้ายยูริก็เลือกที่จะช่วยไคล์ก่อน แล้วก็เล่าแผนให้ซานันฟัง ซึ่งตอนแรกซานันก็ทักว่าจะได้ผลหรือ แล้วพวกเชลยจะยอมช่วยหรือ แล้วบรรดาเชลยที่แอบฟังอยู่ก็โผล่เข้ามาบอกว่ายินดีช่วยอิชทาร์ ซานันเลยต้องยอมกลับออกไปตามที่ยูริว่า แต่ทันทีที่ซานันหันหลังจะเดินออกไป ยูริก็เรียกไว้แล้วเข้ามากระซิบที่หู "ฉันรักคุณ" (ป้าดดดดดดดด ซานันหน้าแดง) แล้วยูริก็บอกว่า "ฝากไปบอกเจ้าชายไคล์" (เหอะ เหอะ เหอะ)

ทางเจ้าชายรัตติกาล เมื่อออกมาปะทะศึก ก็พบที่มาของความแข็งแกร่งของทัพไคล์ คือการที่คนสามารถขึ้นไปยืนบนรถม้าได้สามคน (เรื่องเพิ่งมาบอกว่าปกติสองคน) และที่ขึ้นไปยืนได้ถึงสามคนก็เพราะใช้วัสดุที่เป็นเหล็กช่วย ในระหว่างที่ไคล์กับเจ้าชายรัตติกาลกำลังประมือกันอย่างออกรส ก็มีควันไฟพุ่งขึ้นจากในเมือง เจ้าชายรัตติกาลเลยรู้ทันทีว่าซวยแล้ว เลยรีบถอนทัพกลับเข้าเมืองเพื่อไปช่วยกษัตริย์หลบหนี

ในเมืองนั้น ขณะนี้ยูริกับซานันยืนดูผลงานและรอให้ไคล์มาถึง ยูริก็หาทางทำประโยชน์ (ชั้นก็เห็นหล่อนหาเรื่องทุกที) โดยจะไปคอยเฝ้ากษัตริย์ไว้ แต่เมื่อยูริไปถึงก็เจอว่าเจ้าชายรัตติกาลมาถึงแล้ว พร้อมกับที่มีนาเดียร้องอ้อนวอนขอให้พาไปด้วย แต่องค์ชายรัตติกาลไม่สนใจ และจะรีบพากษัตริย์เดินทางออกนอกเมืองทันที ยูริเลยต้องหาทางถ่วงเวลารอให้ไคล์มาถึง เมื่อไม่รู้ว่าจะรั้งยังไงแล้ว ยูริเลยเสี่ยงที่จะพูดถึงชื่อทาตูเคีย (ชื่อต้องห้าม) ซึ่งก็ได้ผล องค์ชายรัตติกาลเลยเล่าเรื่องทาตูเคียให้ฟัง ว่าแท้จริงแล้วเป็นพี่สาวของตัวเอง ที่โดนพ่อขายให้กับอียิปต์ 

แล้วก็แฟลชแบ็คไปที่อดีต องค์ชายรัตติกาล ชื่อจริงว่ามัตติวาซ่า สมัยกำลังเป็นหนุ่มน้อยขบเผาะ รักและฟีเจอริ่งกับพี่สาวตัวเอง (เรื่องไม่ได้เล่าน่ะ แต่ภาพมันฟ้องอ่ะ) และในวันที่พี่สาวจะต้องเดินทางนั้น องค์ชายมัตติวาซ่าก็งอแงกับพ่อตัวเอง จนโดนตีเข้าที่หน้า อันเป็นที่มาของแผลเป็นบนหน้า เมื่อพี่สาวเห็นดังนั้นแล้ว เลยถอดต่างหูหินสีดำออกมาข้างหนึ่งแล้วโยนให้คนน้องเป็นของต่างหน้า ซึ่งก็กลายมาเป็นเครื่องประดับบนหน้าผากพี่ท่านในปัจจุบัน 

แล้วก็กลับมาที่ปัจจุบันองค์ชายรัตติกาลเล่าว่า แล้วก็เหมือนพี่สาวตัวเองอยู่ในอำนาจแล้วเปลี่ยนไป เมื่อแต่งไปไม่นาน ฟาโรห์ ที่อายุแก่กว่าพ่อก็ตาย จากนั้นก็แต่งเป็นราชินีของลูกเลี้ยงตัวเองอีก จนปัจจุบันก็ควบคุมลูกเขยฟาโรห์องค์ปัจจุบัน (ตุตันคาเมน) ได้อีก ซึ่งชื่อปัจจุบันของท่านพี่สาวคือ เนเฟอร์ติติ (ใน New Project Comic แปลต่อว่า ยูริ อ๋อจากวิชาความรู้ประวัติศาสตร์ ว่าคือ คลีโอพัตรา ดิฉันพยายามหาข้อมูลอ้างอิงล่ะ ยังไม่เจอน่ะ แต่เจอแต่ว่าตัวละครสำคัญๆในเรื่องและชื่ออาณาจักร์ทั้งฮิตไทต์และไมเทนนี่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์)

ในจังหวะที่ยูริกำลังอึ้งกับเรื่องราวอยู่นั้น ทัพไคล์ก็มาถึงพอดี ยูริเลยรีบหนีออกมาเพื่อจะไปหาไคล์ ทางด้านของไคล์เมื่อเข้าเมืองมาได้ ก็รีบถามหายูริเอากับซานัน แล้วก็มีจังหวะว่าทัพของอาของทั้งคู่มาถึงพอดี (อยู่ๆ ก็โผล่มา ดิฉันก็ไม่รู้จักตัวละครนี้มาก่อนเหมือนกันค่ะ) แล้วอธิบายต่อว่าท่านนี้มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าทัพองครักษ์ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดรองจากราชา มาถึงอาก็ชมไคล์ใหญ่ที่ทำผลงานได้อยางยอดเยี่ยม ซานันก็แซวว่าต้องยกความดีความชอบให้กับยูริ เพราะไคล์ทำได้ขนาดนี้เพราะจะมาหายูรินั่นเอง ทำเอาท่านอายิ่งอยากเจอยูริเข้าไปใหญ่ คุยได้สักพักไคล์ก็รีบอยากจะไปตามหายูริ

แล้วท่ามกลางควันไฟที่หนาคลุ้ง ยูริกับไคล์ก็มาบังเอิญเจอกัน (จริงๆ อัสลันพามา) ที่กลางเมือง แต่ยืนคนละฝากกลางลำน้ำ (เล็กๆ ในเมือง) ทันทีที่ยูริกำลังจะโผเข้าหาไคล์นั้น ก็ฟึบ!! มีเชือกเข้ามารัดจากด้านหลัง เจ้าชายรัตติกาลนั่นเอง แล้วหล่อนก็โดนจับอีกแล้ว คราวนี้โดนจับในฐานะตัวประกัน ให้เปิดทางหนีให้กับองค์ชายรัตติกาลและราชา

ขณะที่ไคล์กำลังลังเลว่าจะทำยังไง และท่านอาก็ยิ่งรบเร้าให้รีบเผด็จศึก (ท่านอาไม่สนไรเลย) บรรดาทหารของฮิตไทต์ก็หลีกทางให้โดยอัตโนมัติ โดยไม่ได้มีคำสั่ง ด้วยเป็นห่วงอิชทาร์ แต่ก่อนที่จะหนีออกไปเจ้าชายรัตติกาลยังไม่พ้นที่จะเย้ยฮิตไทต์ว่า อิชทาร์ เป็นของไมเทนนี่ พร้อมจับยูริมาจูบโชว์ ซึ่งตอนนี้ทหารไมเทนนี่ก็เบ่งใหญ่ว่าอิชทาร์เป็นของตัวเอง ส่วนทหารฮิตไทต์ก็ฮึ่มฮั่มจะทวงอิชทาร์คืน

เมื่อราชาและรัชทายาทไมเทนนี่หนีไปได้ ท่านอาก็หันมาลงที่หลานชายล่ะ จำได้แม่นหลา เริ่มต้นด้วยยกย่องว่าไคล์เป็นคนที่เหมาะสมจะเป็นกษัตริย์คนต่อไป ตำแหน่งข้างกายก็มีซานันที่พร้อมจะเป็นหัวหน้าองครักษ์ บรรดาขุนนางที่มีความสามารถก็มีพร้อมอยู่แล้ว (คณะเดิมของไคล์เรา) ขาดก็แต่เมีย เสียดายที่ว่ายูริไม่ใช่ผู้หญิงที่เหมาะสมกับไคล์ (ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพูดขึ้นมาในสถานการณ์แบบนี้หมายความเยี่ยงไร ใน New Project ใช้ภาษาว่ายูริมีคุณสมบัติไม่เหมาะสม ใน Siam ใช้ภาษาว่ายูริไม่มีเชื้อสายที่เหมาะสม ในเวอร์อังกฤษใช้ศัพท์ว่าไม่มี pedigree ที่เหมาะสม งงจ้า)

ในขณะที่ไคล์ยืนอึ้งกับที่ท่านอาพูด อิล (อิลบานี่ เรียกย่อล่ะ) ขอพูดมั่ง อิลบอกว่าไคล์เป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่ายูริเหมาะสมหรือไม่ และขอให้ไคล์รั้งยูริไว้แล้วทำให้ยูริเป็นมเหสีและเป็นราชินีของฮิตไทต์ เมื่อได้ยินดังนี้ ไคล์เลยหน้ามีริ้วแดงๆ พาด มีคนบอกให้ทำให้ยูริเป็น his wife 

แล้วมาดูต่อว่า เมื่อไหร่ยูริจะเลิกโดนจับ


จมูกพี่ท่านดีมาก รู้ตัวยูริที่ไม่รู้จักมาก่อนจากกลิ่นบนผม
เมื่อปราบสิงโตได้
สารลับที่ไคล์ส่งให้ยูริ รู้เรื่องกันอยู่แค่สองคน
จะฆ่ายูริ โทษฐานที่เข้ามาในห้องที่ตัวเองหวง แต่ดันเห็นยูริซ้อนทับกับพี่สาวที่รัก
ชาวบ้านชื่นชมยูริว่าสวย ในขณะที่เจ้าหล่อนกำลังซักผ้าอย่างเริงร่า
ซานันที่ลอบเข้ามาคว้าหมับ ไม่ให้ยูริส่งเสียง แต่แฝดเตรียมเสียบล่ะ
"ฉันรักคุณ" แต่ฝากไปบอกอีกคนอ่ะ ในเรื่องยูริ หล่อนไม่คิดอะไรจริงๆ
เขาพี่น้องกันจริงๆ แต่เขาก็ฟีเจอริ่งกันจริงๆ ด้วยใช่มั้ยหน่ะ ในเรื่องไม่ได้ให้รายละเอียดมากไปกว่าภาพที่เห็น
เจอกันโดยบังเอิญ หรือมันคือพรหมลิขิต (อัสลันลิขิต555)
นี่แหน่ะ จูบเย้ยเลย อิชทาร์เป็นของไมเทนนี่
ท่านอาอวยเข้าไป มีพร้อมทุกอย่าง ขาดแต่เมีย 5555 (ใช้ uncle แต่ต้องเป็นอาน่ะ เพราะน้องของพ่อ)
ในขณะที่ยูริโดนจับไป (อีกล่ะ) พระเอกเรามัวแต่หน้าแดงใจเต้นตึกตักกับการที่มีคนสนับสนุนยูริให้เป็นภรรยา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น