Tobebooks Review: Anatolia Story (Part 5) by Chie Shinohara

เข้าสู่ช่วงการเตรียมเปิดศึกใหญ่กับไมเทนนี่ โดยไคล์ได้เป็นคนนำทัพหลวง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลากี่ปี ไคล์จึงไม่อยากพายูริไปด้วย เพราะจะต้องส่งยูริกลับ ทางด้านยูริก็รู้สึกอึมครึมกับบรรยากาศอีกทั้งยังอยากตามไคล์ไปด้วย (รักเขาแล้วไง) ก็งอแงกันไป จากที่ทั้งคู่ง้องแง้งกันอยู่ ซานันทนไม่ไหว เลยต้องเข้ามา โดยฝากให้คิกคูรี่ไปบอกไคล์ว่าถ้าไคล์ไม่ต้องการยูริแล้วจะขอรับไปเอง แล้วพวกฮาดี้ก็เข้ามารายงานว่ายูริโดนซานันจับตัวไปอีก และก็มาพบว่าไคล์โดนทุกคนรวมหัวกันหลอก 5555 (แต่ยูริไม่รู้เรื่อง และสำหรับคนอ่าน รู้สึกว่าจริงๆ ซานันก็แอบชอบยูริน่ะ) จากที่ไคล์โดนทุกคนกระตุ้น เลยตัดสินใจจะพายูริไปด้วย โดยสัญญาว่าจะชนะศึกและพายูริกลับญี่ปุ่นให้ทัน

ในระหว่างเตรียมออกศึก ทางพวกยูริก็แอบได้ข่าวว่าราชินีได้สั่งของบางอย่าง แล้วหายไปกับทัพไมเทนนี่ ซึ่งพวกยูริก็ระแวงราชินีอยู่แล้ว มั่นใจว่าจะต้องเป็นแผนร้ายแน่ๆ ยูริเลยหมายมั่นไว้ว่า ขณะเดินทางไปรบกับไมเทนนี่ จะต้องหาของที่ว่าให้เจอ เป็นการขัดขวางราชินี

การเดินทางในทัพใหญ่นี้ ทีมไคล์มาหมด ด้วยเป็นทัพใหญ่ ต้องมีคนให้พร้อมทุกด้าน แล้วก็ยังมีนักบวชคนงาม (ผมทองยาวสลวย ออร่าวิ้งๆ) ชื่อ ชาร์มา มาด้วย (เดี๋ยวจะมีบทบาทสำคัญ)

และก็ได้มีการแนะนำตัวละครเพิ่มขึ้น (ไม่ใช่ตัวประกอบ เพราะจะอยู่ต่ออีกทั้งเรื่อง) คือ แม่ทัพของไคล์ 3 คน คือ คัชชุ (ทหารม้า) มิตตันนามูวา (ทหารราบ) และรูซาฟา (พลธนู)

ในการตีเมืองแรก ความจริงแล้วทัพไคล์สามารถอยู่รอให้ได้เหล็กมาใช้ในสงคราม แต่ไคล์ไม่รอ เพราะจะต้องรีบพายูริกลับ อีกทั้งแผนการนี้จะช่วยให้ชนะศึกได้โดยเสียเลือดน้อยน้อยที่สุด เลยวางอุบาย (รู้สึกว่าเฮียแกเจ้าเล่ห์จริงๆ ให้ตาย) เริ่มจากให้ทัพซานัน ล่อให้เจ้าชายรัตติกาลออกจากเมือง โดยมั่นใจว่าพี่ท่านจะต้องติดกับ เพราะที่เคยรบกันก่อนหน้านี้ เป็นธงของทัพซานัน พี่ท่านจะต้องเจ็บใจที่แพ้คราวก่อนแล้วออกมาแน่ ซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่คิด แล้วไคล์ก็ติดต่อขอเข้าไปพักในเมือง โดยจะเข้าไปแค่ตัวเองและผู้ติดตาม ซึ่งเจ้าเมือง (เป็นฝั่งเดียวกับไมเทนนี่ล่ะ) ก็แม้จะระแวง แต่ก็ยอมให้เข้าเมือง เพราะไม่อยากกระโตกกระตาก เมื่อเข้าเมืองมาได้แล้ว ไคล์ก็สวมบทบาทองค์ชายเจ้าสำราญ ไม่เอาการเอางาน แต่ใช่ว่าพวกเจ้าเมืองจะเชื่อง่ายๆ เพราะเกียรติศัพท์เรื่องความสามารถของเจ้าชายดังมาก แต่ฮีก็แหลต่อ (รู้สึกว่าพี่แกไหลเก่งจริงๆ) ว่าไม่ใช่ผลงานของตัวเอง แต่เป็นผลงานของซานัน ซึ่งแม่ของไคล์เลี้ยงซานัน ซานันเลยทำผลงานแล้วยกความดีความชอบให้

เมื่อเข้าเมืองมาตามแผนได้แล้วเรียบร้อย (คณะนี้มีไคล์ ยูริ ฮาดี ฝาแฝด คิกคูรี และอิลบานี่ มีเท่านี้ แต่อยู่ใจกลางเมืองศัตรู) เมื่อได้อยู่กันตามลำพัง ยูริก็ถามว่าเข้ามาทำไม แล้วจะทำอะไรต่อ (ตรงนี้เป็นเกร็ดสงครามที่จำได้แม่น) ไคล์บอกว่า แผนการได้สำเร็จไปกว่าครึ่งแล้ว เพราะในการทำสงคราม สิ่งที่ยากที่สุดคือการเข้าเมือง และตอนนี้ก็เข้ามากันได้แล้ว ต่อไปก็เหลือแค่เปิดประตูจากด้านในให้ทหารฮิตไทต์เข้ามา แต่ในระหว่างนั้นจะต้องรู้แผนผังการวางกำลัง เพื่อที่จะเผาคลังอาวุธ (ตัดกำลังและสร้างความวุ่นวาย) และเปิดประตูเมืองให้ได้ตามแผน แต่แผนการนี้จะเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าเจ้าชายรัตติกาลอยู่ ดังนั้นจึงต้องล่อออกไปก่อน และเพื่อป้องกันไม่ให้ในเมืองส่งข่าวไปให้เจ้าชายรัตติกาลได้ จึงได้ส่งคนดักสุ่มจัดการกับม้าเร็วไว้

แต่ในสถานะการณ์จริงแล้ว เมื่อม้าเร็วออกมา และทีมดักซุ่มกำลังจะเข้าไปจัดการ อยู่ๆ ก็มีคนที่เหมือนจะเป็นใส้ศึกมาจัดการทีมนี้ซะก่อน (เห็นแต่เงา) แผนจัดการม้าเร็วเลยชวดไป

แล้วคืนนั้นทันที ก็ได้เริ่มแผนการโดยการให้ทุกคน (ตอนแรกไม่รวมยูริ แต่หล่อนขอตามไปเอง) ไปหาแผนผังที่ว่า และเมื่อได้แผนผังมาแล้วทุกคนก็แยกย้ายไป แล้วเหลือแต่ยูริกับไคล์กันตามลำพัง ซึ่งช่วงที่ผ่านมายูริหลบหน้าไคล์ เพราะพี่ท่าน หลังจากเปิดเผยความในใจกันแล้ว เอะอะๆ ก็เข้าหาตลอด คืนนี้ก็ด้วย แต่จริงๆ ก็เหมือนแกล้งด้วย เพราะไคล์เองก็รู้ว่ายูริหลบหน้า แล้วไคล์เลยบอกว่าที่ประเทศนี้คนรักกันเขาทำกันแบบนี้ ถ้าประเทศยูริไม่ทำกันแบบนี้ แล้วบอกรักกันวิธีไหน ยูริเลยสอนไคล์วาดหัวใจ

แล้วขณะกำลังจู๋จี๋กันได้ที่ ก็ถึงเวลาที่ไคล์ต้องไปงานเลี้ยงต้อนรับ ซึ่งงานนี้ห้ามผู้หญิง ดังนั้นคนที่เข้างานได้ก็มีไคล์กับอิลบานี่ ในระหว่างนี้ ทหารที่รออยู่ข้างนอกก็เอะใจ ว่าทีซุ่มที่ไปดักจัดการกับม้าเร็วทำไมยังไม่กลับมา แล้วก็เลยมาพบว่าม่องกันไปหมดแล้ว เมื่อแผนการคลาดเคลื่อน คัชชุ เลยต้องรีบเข้าเมืองมาแจ้ง (ขอเข้าเมืองมาว่ามีปัญหาเรื่องเกลือ 5555 แหลกันทั้งทีมจริงๆ) ว่าจัดการกับม้าเร็วไม่ได้ผล และตอนนี้เจ้าชายรัตติกาลน่าจะรู้เรื่องว่าไคล์อยู่ในเมือง และน่าจะรีบเดินทางกลับมาแล้ว แต่ตอนนี้ไคล์อยู่ในงานเลี้ยง ซึ่งไม่อนุญาตให้คนนอกเข้า แต่เรื่องนี้ก็รอไม่ได้ ยูริเลยตัดสินใจเสี่ยงว่าจะเข้าไปบอกเอง แล้วยูริก็เปิดประตูผ่าง! ในขณะที่ทุกคนกำลังใจตุ้มๆ ต่อมๆ ว่ายูริจะโดนฆ่ามั้ยนั่น หล่อนก็โผเข้าหาไคล์แล้วบอกว่าเหงา (หล่อนพัฒนาความแหลตามล่ะ) แล้วแอบกระซิบบอกไคล์ ไคล์เลยรีบออกมาแล้วรีบสั่งการให้ดำเนินตามแผน

จากแผนการของไคล์ แม้จะพลาดตรงจัดการกับม้าเร็วไม่ได้ แล้วเจ้าชายรัตติกาลกลับมาเร็วกว่าที่ตั้งใจไว้ แต่ทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดี ในขณะที่ทุกคนกำลังใจจดจ่อกับภารกิจในการทำสงคราม แต่ยูริกลับใจจดจ่อกับการจะหาของของราชินี ก็เลยกลับเข้ามาค้นในคลังสมบัติ แล้วก็มาเจอกับนักบวชคนสวย (ชาร์มา) ยูริเลยให้ชาร์มาช่วยหาของ แล้วก็หาเจอ

แต่ที่ไหนได้ ทันทีที่ยูริหาเจอ ชาร์มาก็ตีจนยูริสลบ ในทางด้านไคล์เองก็กำลังสงสัยว่าเหมือนมีคนในขัดแข้งขัดขาขัดขวางแผนการอยู่ แล้วก็มีทหารรับใช้คนนึงโวยวายว่านายตัวเองหาย ไคล์เลยถามว่าใคร ทหารรับใช้บอกว่านายคืออุลฮี คนสนิทของราชินี ช๊อคค่ะ ช๊อคเลย อุลฮีอยู่ด้วยหรอ มาตอนไหน ทหารรับใช้เลยบอกว่าก็นักบวชไง นักบวชชื่อ อุลฮี ชาร์มา ตอนนี้ก็ชัดเลย ว่าที่แผนการไม่เป็นไปตามที่คิด มันเกิดอะไรขึ้น

เมื่อยูริสลบไป อุลฮี เลยเอาของไป และปล่อยให้ยูริโดนทหารไมเทนนี่จับตัวไป (ปกติจะจับตัวผู้หญิงไปขาย) และขณะที่อุลฮีกำลังจะหนี ก็มาชนกับเจ้าชายรัตติกาล แล้วของที่่ว่าก็หล่นแล้วติดไปกับรถม้า ดังนั้นสรุปอุลฮี ฮีก็ชวดไป (อุลฮีเป็นหนุ่มแสนสวยน่ะจ๊ะ)

ทางด้านยูริที่สลบอยู่และโดนทหารจับตัว ฮาดี้และฝาแฝดมาเห็นเข้า เลยตัดสินใจให้ฝาแฝดตามไปด้วย (ชิงตัวกลับอันตรายเกินไป เพราะเป็นทัพของเจ้าชายรัตติกาล ที่กำลังถอนทัพกลับ ประหนึ่งว่าแพ้ล่ะ) ส่วนฮาดี้ก็รีบมารายงานไคล์

ทางไคล์เมื่อรู้เรื่องก็เลือดขึ้นหน้า จะไปหายูริกลับมาให้ได้ แต่ก็โดนทุกคนรั้งไว้ (เพราะอันตราย และเจ้าชายไคล์คือคนสำคัญต่อประเทศ) ซึ่งก็เกือบจะรั้งไม่อยู่ล่ะ อยู่ๆ อิลบานี่ก็พูดขึ้นมาให้สติว่า ถ้ายูริเป็นชายาของเจ้าชาย แล้วทหารหลายพันคนล่ะ ไม่ใช่ทหารของเจ้าชายหรอ เจ้าชายเลยมีสติแล้วยับยั้งชั่งใจ แล้วรีบสั่งการจัดการกับทางนี้แล้วรีบเดินทัพต่อทันที (ร้อนใจอยากตามยูริไป)

ทางฮาดี้ให้กำลังใจว่า มีพวกแฝดไปกับยูริด้วย ไม่ต้องเป็นห่วงมาก เพราะพวกแฝดจะยอมแลกชีวิตเพื่อปกป้องยูริ แต่สำหรับไคล์รู้ดีว่า หากเจ้าชายรัตติกาลรู้ว่ายูริเป็นใครละก็ไม่รอดแน่

เรื่องราวหลังจากนี้ ก็จะเป็นการเอาตัวรอดของยูริ การทำสงครามของไคล์พร้อมกับตามยูริไปด้วย