วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Anatolia Story (Part 13) by Chie Shinohara

สรุปสถานะปัจจุบัน

ฮิตไทต์มี ไคล์ เมอร์ซิลิสที่สอง เป็นกษัตริย์ มี ยูริ อิชทาร์ เป็น ผบ.ทบ. เพื่อพิสูจน์ฝีมือ ตามเงื่อนไขของนาเกีย ในการรับตำแหน่งราชินี ส่วนนาเกียเป็นชนนี ฟากคนสนิทของไคล์ที่มีเปลี่ยนแปลงคือหัวหน้ากองธนู รูซาฟา โดนปลดเป็นทหารธรรมดา ดังนั้นรองหัวหน้ากอง ซูบัส จึงเข้ารับตำแหน่งแทน (แต่ฝืมือยังไม่เข้าขั้น)

อิยิปต์ รามเสส ก็ยังเป็นแค่ทหารเหมือนเดิม ส่วนใหญ่จะเป็นรองแม่ทัพ (ดังนั้นจึงไม่เคยอยู่ในตำแหน่งที่จะพอฟัดพอเหวี่ยงกับไคล์ได้อย่างสมใจสักที)

เปิดเรื่องมา ซูบัส ที่รู้ตัวดีว่าฝีมือยังไม่ถึง ก็เข้ามาอ้อมวอนให้รูซาฟากลับมารับตำแหน่ง แม้กระทั้งคัชชุกับมิตตันก็ช่วยพูด เพราะใกล้จะต้องรบกับอิยิปต์ (อีกแล้ว) แต่รูซาฟาก็ปฏิเสธ เพราะตัวเองจะต้องรับโทษในความผิดครั้งก่อน ทันใดนั้นไคล์ที่พายูริเดินเข้ามา ก็บอกให้ซูบัสเลิกงอแงแล้วกลับไปทำหน้าที่ตัวเองซะ (ยูริก็อ้าว เพราะนึกว่าไคล์จะมาคืนตำแหน่งให้รูซาฟา) รูซาฟาก็จ๋อยแบบยอมรับสภาพ แต่แล้วไคล์ก็กลับบอกอีกว่าของปลดรูซาฟาจากพลทหาร ทุกคนยิ่งอ้าวใหญ่ แต่เดี๋ยวก่อน ยังพูดไม่จบ ไคล์ขอแต่งตั้งให้รูซาฟารับตำแหน่งใหม่เป็นองครักษ์ของยูริอีกที นั่นคือไคล์ตั้งใจจะฝากฝังให้รูซาฟาช่วยปกป้องยูริระหว่างที่ตัวเองไม่อยู่
ซาบซึ้งกับความไว้วางใจของไคล์ และยังดีใจที่มีโอกาศได้ปกป้องยูริ
แต่แล้วระหว่างที่รูซาฟาขอแยกกลับมาเตรียมตัว ระหว่างทางกลับเจอแม่หญิงนั่งร้องไห้ แล้วจู่ๆ ก็ฉีกชุดตัวเองพร้อมร้องว่าโดนรูซาฟาลวนลาม เอาล่ะ นาเกีย เปลี่ยนเป้ามาเล่นงานยูริผ่านรูซาฟา (ไม่เข้าใจนางเหมือนกัน) จังหวะที่รูซาฟาโดนใส่ร้ายนั้น ไคล์ก็เดินทางไปตรวจทัพที่ชายแดน เหลืออยู่เพียงยูริและคนสนิท

ยูริที่ตอนนี้ยังมีอำนาจไม่พอที่จะคานนาเกีย จึงต้องทนดูรูซาฟารับโทษ โดยเป็นโทษที่ระบุว่าเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของรูซาฟา โดยการจับไปขึงตากแดดไว้ หากรอดกลับมา แปลว่าบริสุทธิ์  ในวันที่รูซาฟาโดนพาตัวไปขึง ยูริก็ได้แต่ตามไปดูด้วยความเจ็บใจในความไร้ความสามารถของตัวเอง ทันใดนั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นธงสัญลักษณ์ของทัพตัวเองที่มีหินประดับอยู่ปลายธง ยูริก็คว้าธงมาตีจนหินแตก ประหนึ่งระบายอารมณ์ที่ทำอะไรไม่ได้ แต่ยังไม่พอ ยูริขึ้นคล่อมรูซาฟาที่โดนขึงไว้แล้ว แล้วก้มลงจูบ พร้อมบอกว่าจูบนี้คือการให้พร ให้รูซาฟารอดกลับมาให้ได้
ระหว่างที่รอรูซาฟา ซึ่งก็ผ่านไปประมาณสามวัน ไคล์ที่รู้ข่าวก็รีบเดินทางมาถึง ทันทีที่ไคล์กำลังไปช่วย รูซาฟาก็สะโหลสะเหลเข้ามา สรุปรูซาฟารอดมาได้ด้วยตัวเอง ซึ่งเหนือความคาดหมายของทุกคน เพราะคนที่โดนโทษนี้ ไม่เคยมีใครรอด แต่ไหนๆ ก็รอดมาแล้ว เพื่อนๆ ก็พารูซาฟากลับไปพัก ในจังหวะที่มีแต่คนกันเอง เพื่อนๆ ก็ถามว่ารอดมาได้ไง รูซาฟาไม่ตอบ แต่กลับแบมือออกมา ในมือของรูซาฟาคือเศษหินของธงที่ยูริทำแตกไว้ แล้วยูริก็ทำเป็นจูบรูซาฟา เพื่อแอบส่งเศษหินให้ทางปาก จากนั้นเมื่อปลอดคนรูซาฟาก็ใช้เศษหินนั้นค่อยๆ ตัดเชือก จนหลุดมาได้ แล้วเพื่อนๆ ก็ปล่อยให้รูซาฟาได้พักผ่อน ในตอนที่ได้อยู่คนเดียวนั้น รูซาฟาก็ได้หวนคิดถึงตอนที่ยูริจูบ พร้อมทั้งคิดด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าว่าสักวันหนึ่ง ขอให้ได้ตายเพื่อยูริ และทั้งชีวิตนี้สามารถให้ได้เพื่อยูริ (สุดยอดจริงๆ คนนี้)
ยูรินั้น คราวนี้ที่เกือบจะต้องสูญเสียรูซาฟาไป ก็ทำให้นึกย้อนไปถึงทุกคนที่ตายเพราะนาเกีย ตั้งแต่ทีโต้ ซานันซา และอุลซุลล่า คราวนี้จึงเริ่มปรารถนาที่อยากจะเป็นทาวานาอันน่า เพื่อกระชากนาเกียลงมา

แล้วก็กลับเข้าสู่สถานะของสงครามระหว่างฮิตไทต์กับอิยิปต์

เดิมทีเมืองหน้าด่านที่อยู่ติดกับอียิปต์ เป็นเมืองที่มีเจ้าเมืองดูแลอยู่ และขึ้นตรงกับฮิตไทต์ และยังมีองค์ชายมารี (องค์ชาย 5) ไปประจำการอยู่ แต่แล้วจู่ๆ ก็มีม้าเร็วมาแจ้งว่าเจ้าเมืองจู่ๆ ก็จับองค์ชายมารีเป็นตัวประกัน กับสถานการณ์ที่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไคล์ก็แต่งตั้งให้ยูริจัดทัพเดินทางไปดู (คนติดตามยูริคราวนี้เหลือเพียงสามสาวและรูซาฟา)

เมื่อเดินทางไปถึงหมู่บ้านที่อยู่ด้านนอกกำแพงเมืองเจ้าปัญหา กลับพบว่ากลายเป็นหมู่บ้านร้างกันไม่หมด ไม่เจอคนสักคน พอตรวจสอบก็ยิ่งน่าสงสัยเพราะเหมือนจะอพยพกันด้วยความรีบร้อน ระหว่างที่ยังไม่รู้เรื่องราว ยูริก็ส่งม้าเร็วเข้าไปสืบข่าวในเมืองก่อน แล้วระหว่างที่ยูริพักล้างหน้าริมลำธารก็พบเสื้อผ้าลอยมาตามน้ำ จึงสัณนิฐานว่า ชาวบ้านน่าจะอยู่ที่ต้นน้ำกัน จึงส่งคนไปตรวจสอบจนเจอ แต่เมื่อเจอแล้ว ชาวบ้านกลับหวาดกลัวกันเป็นอย่างมาก ยิ่งสร้างความสงสัยว่าทำไปต้องกลัว จนเมื่อยูริได้คุยกับหัวหน้าหมู่บ้านที่เห็นว่าแม่ทัพเป็นผู้หญิงก็คลายความกลัวลง พร้อมเล่าว่าเจ้าเมืองขู่มาว่าทัพฮิตไทต์จะฆ่าทุกคน ให้ชาวบ้านรีบอพยพหนีไป 

เรื่องราวที่รู้ ไม่ได้ช่วยให้คลายความสงสัย แล้วยูริก็ถามรูซาฟาถึงเจ้าเมือง รูซาฟาก็เล่าให้ฟังว่าเจ้าเมืองก็เป็นผู้ปกครองที่ดี เป็นพ่อที่รักลูกสาว และเป็นพันธมิตรที่ดีกับฮิตไทต์ แล้วจู่ๆ เกิดอะไรขึ้น และหลังจากนั้น บทสนทนารูซาฟาก็เออออห่อหมกกับยูริทุกอย่าง ดีครับผมเหมาะสมครับท่าน จนแฝดหมั่นไส้ และได้มีการดึงผ้ากันเกิดขึ้น จนเห็นว่ารูซาฟานำเศษหินที่ยูริเคยให้มาทำเป็นจี้ห้อยเคย แต่ใช้ผ้าคลุมปิดไว้ แม้แฝดจะเตือนเรื่องยูริ แต่รูซาฟาว่าตนเองนั้นรู้ดีแก่ใจ แต่ขอแค่เพียงเท่านี้เท่านั้น


ไม่ทันหายสงสัยเรื่องเจ้าเมือง ม้าเร็วที่ยูริส่งไป ก็กลับมาแล้วล้มลง เพราะโดนงูพิษกัด แล้วจึงพบว่าระหว่างทางเข้าเมืองมีงูพิษที่เจ้าเมืองเอามาปล่อยอยู่เต็มไปหมด พร้อมมีสารจากเจ้าเมืองออกมาอีกว่า ให้ทัพฮิตไทต์ใช้ชาวบ้านที่เจอนี้รองกันงูพิษสร้างเป็นทางเดินเข้าเมือง

เมื่อมีการอ่านสารออกเสียงออกมา ชาวบ้านที่ได้ยินก็ยิ่งพากันหวาดกลัว แต่แล้วทหารฮิตไทต์กลับวิ่งเข้ามาอาสาว่าจะกลายเป็นศพรองทำทางเดินให้เอง ยูริก็คิดว่าจะทำอย่างไรดี จะไม่ใช้ทั้งชาวบ้านและทหาร เพราะหากทำเช่นนั้น ก็เท่ากับแสดงตนว่าทัพของฮิตไทต์โหดเหี้ยม ระหว่างที่กำลังใช้ความคิด ยูริก็มองไปรอบๆ แล้วก็สังเกตเห็นว่าแถวนั้นมีฝูงเหยี่ยวอยู่ไม่น้อย ยูริเลยได้ไอเดีย ใช้ให้ซิมเชค (เหยี่ยวของยูริ นางฝึกและสั่งเหยี่ยวได้ด้วย ก่อนหน้านั้นอัสลันก็กระทืบงูพิษให้ยูริอีก เทพเกิ้น) ไปก่อนกวนเหยี่ยวเจ้าถิ่นจนออกมา แล้วเหยี่ยวเหล่านั้นก็จัดการกินงูพิษไป จนมีทางเดินให้ทัพของยูริเข้าเมืองมาได้
ภาพที่ทุกคนคิดไว้ ว่ามีทางนี้ทางเดียวเท่านั้น
สั่งซิมเชคให้ไปกวนเหยี่ยวเจ้าถิ่น
แต่แล้วเมื่อเข้าเมืองมาได้ กลับต้องตกใจอีก ว่าเมืองหน้าด่านที่ควรจะตั้งแนวป้องกันกันอย่างแข็งขัน บรรดาทหารกลับกันเหล้าเคล้านารีกันอย่างสราญใจภายในเมือง และเมื่อสำรวจเข้า ก็พบว่าทหารขององค์ชายมารีโดยกักบริเวณอยู่ จนได้เจอองค์ชายมารีแล้วได้ถามสักทีว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น แล้วเจ้าเมืองก็โผล่เข้ามาด้วยอาการเมาเหล้าสุดๆ พร้อมเข้ามาทำร้ายยูริและคร่ำครวญว่าฮิตไทต์ฆ่าลูกสาว จนยูริประติดประต่อเรื่องได้ว่านาเกียหลอกให้เจ้าเมืองส่งลูกสาวไปตอนให้ไคล์เลือกราชินี แล้วก็จัดการซะ พร้อมส่งข่าวกลับมาบอกว่าไคล์เป็นคนจัดการ

ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรกต่อ เมื่อม้าเร็วเข้ามาแจ้งว่าทัพอียิปต์ประชิดเข้ามาแล้ว พร้อมข่าวร้ายสุดๆ อีกว่าแม่ทัพคือรามเสส หากแม่ทัพเป็นคนอื่นยังพอหาทางจัดการได้ แต่รามเสสมาเองไม่ไหวแน่ แนวทัพก็ยังไม่ได้ตั้ง

ด้านรามเสสนั้น มาถึงก็ประหลาดใจไม่น้อย ไม่มีแนวป้องกันเลย แต่ก็เท่านั้น หาได้สนใจไม่ แต่ข่าวที่ว่ายูรินำทัพมาที่เมืองนี้นั้นน่าสนใจกว่า แม้จะประหลาดใจว่าทำไมไคล์ถึงปล่อยให้ยูริมาอยู่แนวหน้าได้ แต่ก็ถือเป็นโอกาสเยี่ยมที่จะได้ขโมยตัวยูริอีก

ยูริอยู่ในสถานการณ์คับขัน เมืองหน้าด่านนี้เป็นเมืองสำคัญทำหลักยุทธศาสตร์ จะปล่อยให้ถูกอียิปต์ยึดไม่ได้ ระหว่างที่กำลังหาทางแก้ปัญหา รูซาฟาที่สำรวจรอบๆ ก็พบว่าภายในนี้มีผู้หญิงค้าบริการจำนวนมาก แล้วก็ยังมีหญิงชาวบ้านที่โดนจับเข้ามาอีกต่างหาก เมื่อรูซาฟามารายงานยูริ ยูริจึงรีบออกคำสั่งให้รีบอพยพผู้หญิงทั้งหมดออกไปเพราะเป็นบริเวณสงคราม แต่แล้วกลุ่มหญิงค้าบริการกลับเข้ามาโวยวายว่านี่คือการทำมาหากินของพวกนาง ยิ่งทหารที่ออกศึกห่างหายจะผู้หญิง ยิ่งต้องการพวกนาง เมื่อยูริได้ยินแล้วก็เข้าใจ จึงเปลี่ยนคำสั่งว่าใครสมัครใจอยู่ก็อยู่ได้ พร้อมทั้งกำชับทหารในบังคับบัญชาว่าต้องปฏิบัติกับผู้หญิงทั้งหมดให้ดีๆ กลุ่มหญิงค้าบริการเห็นดังนั้นก็ได้ใจไป

จากนั้นยูริที่ยังกลุ้มอยู่ว่าจะถ่วงเวลาทัพอิยิปต์ยังไง ขอแค่พอสร้างแนวป้องกันก็ยังดี กลุ่มหญิงค้าบริการที่ได้ยิน ก็อาสาเข้ามาช่วย พร้อมทั้งบอกว่าแค่ถ่วงเวลา พวกตนสามารถช่วยได้ โดยการช่วยให้บริการและถ่วงเวลาพวกทหารไว้ ยูริที่ได้ยินดังนั้นก็เห็นว่าไม่เลว อาจจะใช้ได้ แต่ทางที่ดี ตัวเองจะแอบเข้าไปด้วย เพื่อแอบปล่อยม้าของทัพอียิปต์ รูซาฟาที่ได้ยินแผน ทีแรกจะไม่ยอมให้ยูริไปเพราะอันตราย แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องยอม พร้อมขอตามไปด้วย

แล้วแผนการก็เริ่มขึ้น กลุ่มหญิงค้าบริการก็ไปดักที่หมู่บ้านที่อยู่ระหว่างทางของทัพอียิปต์ ซึ่งรามเสสเองแรกเริ่มก็ไม่ได้ว่าอะไร ปล่อยให้ทหารได้ผ่อนคลาย แม้จะสงสัยอยู่บ้างว่ามีผู้หญิงมากเกินปกติ แต่แล้วยูริที่แอบเข้ามาปล่อยม้า (แยกย้ายกันไปปล่อย) ได้ถลำลึกเข้ามาในบริเวณอียิปต์มากเกินไป จนบังเอิญชนกับรามเสส จังหวะที่หลังจากชนแล้วพูดขอโทษกันนั้น ต่างฝ่ายต่างก็จำเสียงกันได้ แม้ยูริจะรีบปลีกออกมา แต่ก็ไม่ทัน โดนรามเสสจับไป 

ระหว่างนี้ก็มีแม่หญิง(ฝ่ายยูริ) มาเห็นเข้า แต่ทำอะไรไม่ได้ จึงรีบไปบอกพวกฮาดี้และรูซาฟา ทั้งหมดจึงรีบมาช่วยยูริ แต่รามเสสเมื่อบังเอิญได้ตัวยูริ มีหรือจะปล่อยง่ายๆ จังหวะที่กำลังลวนลามยูริต่อหน้าทั้งหมด รูซาฟาเห็นก็ของขึ้น ออกอาการ พร้อมทั้งบอกว่ายูรินั้นอยู่ระหว่างเป็น ผบ.ทบ. แล้วก็จะขึ้นเป็นราชินีของไคล์ขอให้รามเสสปล่อยยูริซ่ะ แต่จากอาการของรูซาฟาทำให้รามเสสรู้ว่ารูซาฟาเองก็หลงยูริเช่นกันอีกทั้งยังช่วยให้อ๋ออีกว่าทำไมไคล์ถึงได้ปล่อยให้ยูริมาอยู่แนวหน้าได้ แต่ก็เท่านั้น รามเสสอาศัยความได้เปรียบว่าอยู่ในทัพอียิปต์ ส่งเสียงเรียกทหารมา ทำให้พวกฮาดี้ต้องรีบดึงรูซาฟาหลบหนี รูซาฟาก็ได้แต่เจ็บแค้นตัวเองที่ช่วยยูริไม่ได้

ด้านภายในเมืองหน้าด่านนั้น ไคล์ที่จัดการธุระเรื่องอื่นเรียบร้อยแล้วรีบตามมานั้น เมื่อมาถึงก็ยินดีที่น้องชายยังปลอดภัย ทั้งยังรีบถามหายูริโดยทันที จนรู้ว่ายูริกำลังทำอะไรอยู่ (โวยวายแต่ก็ปลงกับยูริล่ะ) แล้วคณะของรูซาฟาก็กลับมาถึง เมื่อไคล์รู้ว่ายูริโดนรามเสสจับตัวไปอีกแล้วก็ของขึ้นทันที

รามเสสนั้น เมื่อจับยูริได้ พอสบโอกาสก็เริ่มปล้ำยูริทันที แต่แล้วยูริก็กลับมีอาการคลื่นไส้ รามเสสจึงเลิกปล้ำแล้วถามไถ่อาการ เมื่อยูริเล่าอาการให้ฟัง รามเสสก็ให้ข้อสัณนิฐานว่ายูริน่าจะท้อง พร้อมบอกว่าตัวเองจะเป็นพ่อที่ดีแน่ๆ (พี่ท่านได้อีก) ยูริที่อยู่ระหว่างช๊อคผสมดีใจก็เถียงว่าไคล์ต่างหากที่เป็นพ่อ รามเสสเลยย้ำถึงคุณค่าของยูริที่เหมาะสมกับผู้หญิงที่จะอยู่ข้างกายกับคนที่จะเป็นกษัตริย์
แม้ท้องก็ไม่สน 5555
จากนั้นแล้วรามเสสจึงยกเลิกแผนการปล้ำยูริ แต่ออกไปสั่งการถอนทัพเพื่อกลับอิยิปต์ทันที โดยจะเดินทางทางเรือ ด้านไคล์เมื่อรู้ว่ายูริโดนรามเสสจับตัวไปก็รีบสั่งการให้เคลื่อนทัพไปดักทางท่าเรือ บรรดาคนอื่นก็งง ไปทำไมท่าเรือ เพราะมันคนละด้านกับทิศทางที่อิยิปต์จะมาบุกเมืองหน้าด่าน ไคล์เลยให้เหตุผลว่า เมื่อรามเสสได้ตัวยูริไปแล้ว จะต้องรีบพากลับอิยิปต์อย่างแน่นอน คนอื่นก็ถามว่ามั่นใจได้อย่างไร ไคล์กลับตอบอย่างชัดเจนว่า เพราะหากเป็นตัวเองก็จะทำเช่นนั้นเหมือนกัน สรุปคือทั้งคู่ตีค่ายูริไว้สูงว่าเพื่อเอาตัวยูริไปแล้ว รามเสสยอมทิ้งเมืองๆนี้กันเลยทีเดียว

ซึ่งผลนั้นก็ไม่ผิดอย่างที่ทั้งคู่เดาใจกันไว้ แล้วก็มาเจอกันระหว่างทาง
รามเสสนายจะไม่ยอมเลิกราเลยใช่มั้ย
เมอร์ซิลิสที่สองนายกลับมาขัดขวางได้ตลอดเลยซิน่า
ยูริที่เห็นไคล์เข้าใกล้ท่าเรือมากขึ้น ก็ตระหนักว่าจะปล่อยให้กษัตริย์ฮิตไทต์เข้าใกล้เขตแดนของอิยิปต์มากกว่านี้ไม่ได้ จึงได้ตัดสินใจหาโอกาสแล้วก็กระโดดลงจากรถม้า ซึ่งเมื่อรามเสสและไคล์เห็นดังนั้นแล้วจึงรีบกระโดดลงมารับยูริ ซึ่งก็รับยูริได้คนละครึ่งตัว

แต่แล้วเมื่อทั้งคู่รู้ตัวว่าลงมาประจันหน้ากันแล้ว เลือดทหารก็เดือดพล่านกับคู่มือที่คู่คี่กัน แต่แม้จะปรารถนาที่จะสู้ตัดสินกันแค่ไหน ด้วยสภาพแวดล้อมไม่อำนวย เพราะคนของทั้งสองฝ่ายรีบขับรถม้ามารับ จึงต้องตัดใจจากความรู้สึกส่วนตัว แล้วรีบถอนทัพกลับแล้วแยกย้ายกัน
จ้องตากันใหญ่ล่ะ
เอาเลยๆ
ทั้งคู่ต้องถอยออกมา แม้จะอยากสู้กันก็ตาม

to be continue

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น