วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Anatolia Story (Part 22) by Chie Shinohara

แม้อุลฮีจะเปลื้องผ้าให้เห็นแล้วว่าตนเป็นขันที แต่ก็ยังมีข้อสงสัยว่าอาจจะเป็นหลังจากมีองค์ชายจูดาแล้วก็ได้ แต่อุลฮีกลับมีท่าทีสงบนิ่งพร้อมบอกว่าคำตอบของคำถามนั้นอิลบานี่สามารถยืนยันให้ได้ ซึ่งแท้จริงแล้วอุลฮีมั่นใจว่าอิลบานี่ต้องตรวจสอบข้อมูลมาหมดแล้ว ซึ่งก็จริงตามนั้น จากข้อมูลที่อิลบานี่ตรวจสอบนั้นที่มาของอุลฮีที่มีบันทึกไว้คือ เป็นอดีตเชลยที่ถูกพาเข้ามาเป็นนักบวช ซึ่งตั้งแต่ก่อนหน้านั้นก็มีสภาพเป็นขันทีแล้ว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องแน่นอนแล้วว่าองค์ชายจูดาไม่ใช่บุตรของอุลฮีแต่เป็นบุตรของกษัตริย์องค์ก่อน แล้วอุลฮีก็เล่าต่อว่า ตั้งแต่วันแรกที่ได้พบกับนาเกีย ตนเองไม่เคยแตะต้องนาเกียแม้แต่ปลายนิ้ว

แล้วอุลฮีก็นึกไปถึงเรื่องราวตั้งแต่ได้เจอกับนาเกียครั้งแรก ซึ่งเป็นตอนที่นาเกียวิ่งร้องไห้มาพบอุลฮีที่กำลังชำระล้างร่างกายเพื่อเข้าพิธีเป็นนักบวช ซึ่งจากปากคำของนายทหารและนางกำนัลที่วิ่งตามมา ทำให้ทั้งคู่รู้ว่าต่างก็เป็นคนที่ถูกขายมาที่อาณาจักรนี้เหมือนกัน และนับตั้งแต่วันนั้น หากทั้งคู่ได้เดินสวนกันแม้จะไม่ได้พูดคุยกัน เพราะสถานะที่ต่างกัน และนาเกียถูกห้อมล้อมด้วยนางกำนัล แต่ทั้งคู่ก็มักจะหันไปมองกันเสมอ ด้วยรู้สึกว่าอีกฝ่ายต่างมีชะตากรรมเหมือนกับตนเอง

จนวันหนึ่งที่นาเกียทนไม่ไหว หอบทรัพย์สมบัติแอบมาหาอุลฮี เพื่อบอกให้อุลฮีพาตนหนีไปแล้วไปอยู่ด้วยกันอย่างอิสระ พร้อมทั้งพรั่งพรูอารมณ์ว่าไม่ต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ในวังเยี่ยงนี้ แต่ปรารถนาที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับอุลฮีมากกว่า แม้จะเป็นแค่สามัญชนก็ตาม และหากจะมีบุตรก็อยากที่จะมีบุตรกับอุลฮีเช่นกัน แล้วจึงยื่นมือไปหาอุลฮี แต่อุลฮีรีบถอยหลบ แล้วบอกว่าตนเองนั้นไม่สามารถทำความปรารถนาของนาเกียให้เป็นจริงได้ เพราะตนเองไม่สามารถมีบุตรได้ ซึ่งความจริงข้อนี้ สร้างความเสียใจอย่างแสนสาหัสให้ทั้งคู่

แล้วอุลฮีก็เล่าให้นาเกียฟังถึงสาเหตุที่ตนต้องเป็นขันที เพราะเดิมนี้ตนเองนั้นเป็นองค์ชายของเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่ง แต่ถูกอีกเมืองที่ป่าเถื่อนรุกรานจนย่อยยับ คนในราชวงศ์ถูกสังหารจนสิ้นจนเหลือตนเพียงคนเดียว เมื่อถูกจับได้ก็ถูกทรมาน และแม้จะทรมานเพียงใด ด้วยความหยิ่งในเลือดขัตติยะ ก็ไม่มีหลุดเสียงแสดงความอ่อนแอออกมาแม้แต่น้อย จนกระทั่งถูกข่มขืน ซ้ำจากนั้น เพื่อไม่ให้มีการสืบสายเลือดราชวงค์นี้ได้อีก ยังถูกจับตัดอวัยวะเพศ และกลายเป็นเชลย จนกระทั่งถูกขายมาเป็นนักบวชยังฮิตไทต์ในที่สุด

เมื่อจบการรำลึกถึงอดีตของตนเอง อุลฮีก็กล่าวย้ำอีกครั้งว่า ตนเองนั้นไม่เคยแตะต้องนาเกียแม้แต่เพียงปลายนิ้ว และตลอดระยะเวลาที่อุลฮีออกมานั้น นาเกียเพียงนั่งนิ่งๆ และรำลึกความหลังอยู่เช่นกัน ซึ่งเมื่อตนเองไม่สามารถมีบุตรกับชายที่รัก และต้องมามีบุตรกับกษัตริย์ฮิตไทต์แล้วนั้น ดังนั้นแล้วไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามบุตรของนางจะต้องได้ปกครองฮิตไทต์

แล้วนาเกียที่นั่งนิ่งเงียบมานานก็ลุกขึ้นกล่าวย้ำว่า จูดาคือโอรสในกษัตริย์องค์ก่อน ดังนั้นแล้วก็มีสิทธิ์ในตำแหน่งรัชทายาทอย่างถูกต้อง พร้อมทั้งขอคำมั่นจากไคล์ในเรื่องนี้ ซึ่งไคล์ก็ตอบรับ ท่ามกลางท่าทีที่ไม่เห็นด้วยของบรรดาขุนนางทั้งหลาย

และแม้ว่าเรื่องของจูดาจะคลี่คลายแล้ว แต่ความผิดอื่นๆ ของอุลฮีก็ยังคงจะต้องมีการสืบสวนต่อไป แต่แทนที่อุลฮีจะตอบคำถามต่อข้อกล่าวหาต่างๆ อุลฮีกลับกระโดดเข้าคว้าดาบที่ตกอยู่แล้วคว้านาเกียมาเป็นตัวประกัน
แล้วอุลฮีกับนาเกียก็มีโอกาสได้กระซิบพูดคุยกัน นาเกียเลือกถามอุลฮีว่าทำไมไม่หนีไป แต่กลับถูกอุลฮีย้อนถามว่าทำไมนาเกียถึงต้องช่วยตนเองด้วย แล้วทันใดนั้นฮาดี้ก็รีบเข้ามาแจ้งว่าองค์ชายจูดาที่ดื่มยาพิษเข้าไปขณะนี้ฟื้นและปลอดภัยแล้ว ซึ่งอุลฮีกลับกล่าวเพียงแค่ว่าขอแค่เจ้าชายจูดาปลอดภัยก็เพียงพอแล้ว แล้วให้ไปกระซิบบอกนาเกียว่าหากเป็นไปได้ก็หวังว่าเราจะได้เริ่มต้นกันใหม่ในที่ที่เราพบกันครั้งแรก แล้วกระชับกอดนาเกียก่อนแทงอกตัวเองพร้อมตะโกนบอกว่าความผิดทั้งหมดที่เป็นข้อกล่าวหาทั้งของตนและนาเกีย เป็นฝีมือของตนเองแต่เพียงผู้เดียวไม่เกี่ยวกับใคร 

แล้วอุลฮีก็ตายคาที่ นาเกียที่ได้แต่ช๊อคว่าจนป่านนี้แล้วทำไมถึงเพิ่งมากอด 

ไคล์ตัดสินโทษให้นำศพอุลฮีไปประจานในโทษฐานสังหารกษัตริย์องค์ก่อน (พี่ชายไคล์) แล้วพยายามป้ายความผิดให้ยูริ จนอุลซุล่ากลายเป็นแพะรับบาป แล้วให้ประกาศล้างความผิดให้อุลซุล่า

คัชชุที่ยืนมองจุดจบของอุลฮีที่เป็นต้นเหตุให้อุลซุล่าต้องตายโดยถูกชาวบ้านเข้าใจผิดและประนาม ก็ได้ถอดเปียผมของอุลซุล่าออกมาจูบ (แม้เรื่องราวของอุลฮีและนาเกียจะน่าสงสารและเห็นใจ แต่หากมองย้อนกลับไปที่อุลซุล่า อุลซุล่าเองก็น่าสงสารเช่นกัน)

แล้วก็เริ่มมีการพูดถึงว่านาเกียคงจะต้องถูกปลดออกจากทาวานาอันน่าแล้วแน่นอน และยูริคงจะได้ขึ้นแทน ซึ่งยูริก็คิดคำนึงถึงว่าตนเองนั้นโชคดีกว่านาเกียและเนเฟอร์ติตี้มากมายนัก ที่เป็นที่รักเพียงคนเดียวของไคล์ ไม่ต้องไปแก่งแย่งชิงดีกับใคร พร้อมทั้งสัญญากับตัวเองว่าจะต้องเป็นราชินีที่ดีกว่าทั้งคู่

แล้วก็เป็นจริงดังที่ว่า รุ่งขึ้นไคล์ตัดสินปลดนาเกียออกจากทาวาอันน่า พร้อมทั้งส่งไปจองจำเป็นนักบวชในวิหารอันห่างไกล


แล้วบรรดาขุนนางก็มาเชิญให้ยูริรับตำแหน่งทาวานาอันน่าแทนนาเกียทันที

นาเกียที่อยู่ระหว่างถูกจองจำเพื่อเดินทางไปยังวิหาร เมื่อได้อยู่ตามลำพังก็มัวแต่ครุ่นคิดถึงวาระสุดท้ายและคำพูดของอุลฮี

จนนึกได้ว่าการกระทำและคำพูดของอุลฮีน่าจะมีเจตจำนงค์ใดแอบแฝงอยู่หรือเปล่า แล้วตัดสินใจหลบหนีเพื่อไปยังสถานที่ที่พบกับอุลฮีครั้งแรก โดยใช้ยาพิษที่ตนถนัดจัดการกับบรรดาทหารที่เฝ้ายามอยู่จนหลบหนีออกไปได้

แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป นาเกียยังจะทำอะไรได้อีก to be continue น่ะจ๊ะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น