แล้วคืนหนึ่งเนเฟอรูโต้ (น้องสาวของรามเสส ที่มาอวยพรงานแต่งของยูริ) ก็หาโอกาสเข้าหารูซาฟา
ซึ่งจากท่าทีที่ผ่านมา รูซาฟา ไม่คิดว่าท่านหญิงจริงจัง ด้วยท่าทางที่ทีเล่นทีจริง แต่มาคราวนี้ ท่านหญิงมาด้วยความมุ่งมั่นว่าจะมารวบหัวรวบหางล่ะ
![]() |
ผมจริงของท่านหญิงสีเดียวกับรูซาฟา แต่ผมดำที่เห็นประจำเป็นวิกจ๊ะ |
ท่านหญิงเข้าหาพร้อมทั้งบอกรูซาฟาว่ารู้ดีว่ารูซาฟาคิดอย่างไรกับยูริ แต่ท่านหญิงไม่แคร์และขอให้รูซาฟาให้โอกาสตัวเองกับท่านหญิง แต่รูซาฟากลับเลือกปฏิเสธเพราะเห็นแก่เกียรติของตัวท่านหญิงเอง ซึ่งคำตอบของรูซาฟายิ่งทำให้ท่านหญิงชอบเข้าไปใหญ่ จึงบอกว่าตนจะรอวันที่รูซาฟาพร้อม
คราวนี้เราไปดูทางนาเกียกัน หล่อนหายไปอยู่ที่ไหน
นาเกียเองในระหว่างที่หลบหนีการจับกุมและซ่อนตัวอยู่นั้น นางไม่ได้ไปไหนไกล แต่หลบอยู่ในบ้านของคนแถวนั้น แต่ที่รอดพ้นมาได้ เพราะนางใช้เวทย์น้ำควบคุมจิตใจคนให้ช่วยนางหลบซ่อนตัวอย่างสะดวกสบายตลอดมา
แถมนางก็มีเตรียมทางลับไว้พร้อม
และระหว่างที่ยังจับนาเกียไม่ได้นั้น จูดาที่ร้อนรนเรื่องพระมารดาเหลือเกิน ก็เข้ามาขอว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเลื่อนงานอภิเษกออกไปก่อน เพราะไม่ควรให้ยูริอยู่ใกล้น้ำ ซึ่งเป็นเครื่องมือของนาเกีย แล้วที่จูดาขอให้เลื่อนที่พิธีออกไปนั้น เพราะในพิธี ยูริ จะต้องชำระล้างร่างกายในบ่อศักดิสิทธิ
ระหว่างที่กำลังกลุ้มใจกันอยู่นั้น ก็พบว่าหากจะเลื่อนตอนนั้คงจะไม่ทันซะแล้ว เพราะบรรดาตัวแทนจากอาณาจักรต่างๆ ที่จะมาเข้าร่วมพิธี ทยอยเดินทางกันมาซะแล้ว
![]() |
บุตรชายขององค์ชายรัตติกาล (ตอนนี้ขึ้นเป็นกษัตริย์แล้ว) |
![]() |
กษัตริย์จากเมืองต่างๆ |
![]() |
น้องชายของอเล็กซานดร้า (มาถึงก็รีบเคารพว่าที่พี่เขย จูดา เลย) |
และแล้วพิธีอภิเษกก็ไม่สามารถเลื่อนออกไปได้ เนื่องจากไม่เหมาะสม เพราะบรรดากษัตริย์และองค์ชายจากเมืองต่างๆ เดินทางมาถึงกันแล้ว กำหนดการอภิเษกจึงยังคงเดิม ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ดาวประกายพฤกษ์ขึ้น (เป็นวันฤกษ์ที่นาเกียจะสามารถทำพิธีส่งยูริไปต่างมิติได้อีก) ท่ามกลางความกังวลที่มากขึ้นเรื่อยๆ ไคล์ก็ได้เชิญนักบวชมาช่วยเพิ่มเติม
![]() |
นักบวชตาบอด กำลังเสริมของไคล์ |
และแล้วก็ถึงวันพิธี ยูริ ที่จะต้องลงไปชำระล้างร่างกายในบ่อศักดิ์พร้อมไคล์
ซึ่งทุกอย่างล้วนอยู่ในสายตาของนาเกีย ที่ดูผ่านเวทย์น้ำ แล้วนาเกียก็เริ่มพิธีเช่นกัน
ในพิธี มีการเจิมด้วยน้ำศักดิ์ ซึ่งเริ่มที่ไคล์ก่อน
จากนั้นจึงจะเป็นยูริ แต่ก่อนที่จะได้เจิม ก็กลับเกิดลางร้ายเกิดขึ้น เมื่อถ้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์จู่ๆ ก็แตกกลางอากาศ
ท่ามกลางความแตกตื่นว่าเป็นลางร้ายนั้น ไคล์ตัดสินใจทำพิธีต่อ โดยตนเองจุมพิศตามจุดต่างๆ ให้ยูริ แทนการเจิมด้วยน้ำศักดิ์สิทธิ์
ในระหว่างพิธี เนเฟอรูโต้ ก็เข้ามาทักทายพูดคุยกับรูซาฟา พร้อมย้ำว่าตนจะรอรูซาฟาพร้อม ทั้งๆที่รูซาฟายังมีแต่เรื่องความปลอดภัยของยูริเต็มหัว
และแล้วบรรดาแม่ทัพก็ค้นพบแหล่งกบดานของนาเกียจนได้ ด้วยเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าบรรดาขุนนางมีบางคนท่าทีแปลกไป จึงได้ไปตรวจที่บ้านของขุนนางที่ว่า
แต่น่าเสียดาย ที่มาไม่ทันนาเกียซะแล้ว นาเกียได้ใช้ช่องทางลับหลบออกมาแล้ว
และในช่องลับนั่นเอง ที่นาเกียใช้ซ่อนชุดของยูริ พร้อมทั้งจัดเป็นสถานที่ทำพิธี
ระหว่างที่รูซาฟากำลังวุ่นวายกับการรักษาความปลอดภัย และยังเห็นเนเฟอรูโต้อยู่แถวนั้น ก็หันไปบอกให้ระวังตัวด้วย (ประหนึ่งแอบใจอ่อน) ซึ่งทำให้เนเฟอรูโต้มีความหวังขึ้นมามากโข แล้วรูซาฟาก็นึกถึงที่ไคล์เคยพูดกับตนเอง ว่าหากปรารถนาอยากมีประโยชน์ต่อยูริ ขอให้มีชีวิตอยู่ต่อไป แล้วมีลูกมีหลานสืบสกุล คล้ายกับจะสื่อว่า หากรูซาฟานั้นจะมีครอบครัว รูซาฟาอาจจะปลงใจกับเนเฟอรูโต้ก็ได้
จูดาเองที่เฝ้าดูพิธี ก็ได้บอกกับอเล็กซานดร้าว่า ไม่ว่าอย่างไร ตนเองก็จะต้องหยุดพระมารดาให้ได้ ด้วยความมุ่งมั่น
แล้วก็ถึงขั้นตอนสุดท้ายในพิธี ระหว่างที่ยูริและไคล์อยู่ในบ่อน้ำศักดิ์ ก็เริ่มเกิดน้ำวนเกิดขึ้น
ระหว่างที่ยูริกำลังถูกน้ำวนดูดลงไป โดยที่ยังมีไคล์ฉุดรั้งไว้อยู่ ทางแม่ทัพที่พบแหล่งกบดานของนาเกียแล้ว ก็พบทางเข้าของช่องทางลับจนได้
จนตามไปพบสถานที่ทำพิธี แต่ก็ไม่พบนาเกียอีกแล้ว พบเพียงชุดของยูริ ที่กำลังจะถูกดูดลงสู่น้ำวน
และก็ไม่ทันการณ์ เมื่อชุดของยูริถูกดูดลงไปแล้ว และส่งผลให้ทางยูริกำลังถูกแรงดึงของน้ำวนชุดรั้งลงไปเช่นเดียวกับชุด
เมื่อไม่สามารถจับชุดของยูริไว้ได้ทัน คัชชุ กับ มิตตัน ก็เดินหน้าตามนาเกียต่อทันที จนพบว่าปลายทางของทางลับนี้ ออกไปสู่วิหารที่ทำพิธีนั่นเอง
ในขณะที่คัชชุกับมิตตันกำลังตกใจอยู่ ว่าหมายความว่าตอนนี้นาเกียปะปนอยู่ในพิธีด้วย กลับต้องมาตกในกว่ากับภาพตรงหน้า
ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไคล์กำลังจับยูริไว้อย่างเต็มที่ นาเกียก็ปรากฏตัวพร้อมมีดในมือพุ่งเข้าหาไคล์
แต่ก่อนที่นาเกียจะถึงตัวไคล์ จูดา กับ รูซาฟา ก็รีบเข้ามาขวางไว้ แม้นาเกียจะเห็นจูดาพุ่งเข้ามาขวาง แต่นางก็หยุดตัวเองไม่ทันซะแล้ว
ยูริที่อยู่ใจกลางน้ำวนและกำลังยึดจับไคล์ไว้แน่น และไม่รับรู้เหตุการณ์ชุลมุนด้านบน แต่จู่ๆ กลับเห็นความผิดปกติเกิดขึ้น เมื่อมีเลือดไหลเป็นทางลงมาจากแขนไคล์ เกิดอะไรขึ้นอยู่ด้านบนกันแน่ แล้วเลือดที่ว่าคือเลือดของใคร
คัชชุกับมิตตันที่รีบวิ่งเข้ามา ก็เข้ามาจับตัวนาเกียไว้ ซึ่ง ณ ตอนนี้ไคล์ยังสามารถจับตัวยูริไว้อยู่จวบจนฤกษ์ของดาวประกายพฤกษ์ผ่านไป เท่ากับว่าพิธีของนาเกียล้มเหลว แล้วน้ำวนก็หายไป
เมื่อไคล์ยังปลอดภัยดี แล้วเลือดนั้นคือเลือดของใครกัน ตอนนี้จึงสงสัยได้ว่าอาจจะเป็นจูดาหรือรูซาฟา แล้วองค์หญิงอเล็กซานดร้า และท่านหญิงเนเฟอรูโต้ ก็รีบเข้ามาดูทั้งสองคน
แล้วก็พบว่าผู้ที่ถูกแทงและเป็นเจ้าของเลือดที่นองอยู่เต็มบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์นั้นคือ
แม้เนเฟอรูโต้จะอยู่ข้างๆ รูซาฟา แต่รูซาฟา กลับเรียกหายูริ
รูซาฟาที่ขณะนี้มองไม่เห็นแล้ว พร่ำเพ้อถามหาว่ายูริปลอดภัยดีแล้วใช่หรือไม่ และเมื่อรู้ว่ายูริปลอดภัยแล้วก็โล่งอก แล้วจึงหันไปขอโทษไคล์ ที่ไม่สามารถมีชีวิตอยู่รับใช่ต่อไปได้ แล้วทิ้งท้ายฝากยูริบอกเนเฟอรูโต้ ทั้งๆที่เนเฟอรูโต้อยู่ข้างกายอยู่ตลอด ว่าขอให้เนเฟอรูโต้ใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุข
แล้วรูซาฟา ก็พยายามเอื้อมมือหาใครบางคน ทั้งๆ ที่ตามองไม่เห็นแล้ว เนเฟอรูโต้ที่อยู่ข้างกายตลอดกำลังจะเอื้อมมือไปจับ แต่มือของรูซาฟากลับเปลี่ยนทิศทางไปทางยูริ
และคำพูดก่อนสิ้นใจของรูซาฟาคือเสียดายยิ่งนัก ที่ไม่ทันได้เห็นยูริเป็นทาวานาอันน่า
ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจต่อการจากไปของรูซาฟา เนเฟอรูโต้ได้หลั่งน้ำตาแล้วเดินจากไปอย่างเงียบๆ
ไคล์ที่ตั้งสติได้แล้ว ก็สั่งการทันทีให้ควบคุมตัวนาเกียไป แล้วนำศพรูซาฟาไปที่วิหาร (วัด) แต่ทันใดนั้นจูดากลับคว้ามีดใกล้ตัวแถวนั้น แล้ว
เลือกที่จะพุ่งเข้าสังหารมารดาของตน
นาเกียตกใจกับการกระทำของจูดามาก ด้วยไม่คิดว่าจูดาจะคิดสังหารตนเองได้ แต่จูดาตอบกลับประหนึ่งคิดมาดีแล้วว่า หากพระมารดายังมีชีวิตอยู่ ก็จะยังเป็นศัตรูต่อฮิตไทต์ไปตลอด
แล้วจึงพรั่งพรูความรู้สึกออกมาว่า เหตุใดเสด็จแม่จึงไม่เข้าใจเสียทีว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะให้เลือดเนื้อเชื้อไขนั้นได้ครองราชย์ แล้วตนเองก็ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย และแม้ว่าไคล์จะแต่งตั้งให้ตนเองเป็นรัชทายาทอันดับหนึ่งก็ตาม แต่ตนเองนั้นจะขอสละตำแหน่งนี้ไปตลอดกาล
นาเกียที่ถูกจูดาพูดใส่เช่นนั้น ก็หวนนึกย้อนไปยังอดีต เมื่อครั้งที่เพิ่งคลอดจูดา แล้วสถานะตนเองในขณะนั้นที่เมื่อเปรียบกับราชินีองค์ก่อน (แม่ของไคล์) ที่เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง และห้อมล้อมด้วยบุตรชายที่มีคุณสมบัติพร้อมที่จะสืบราชสมบัติต่อไป แล้วตั้งแต่นั้นมานาเกียก็ปฏิญาณไว้ว่า จะทำทุกทางเพื่อให้ลูกน้อยของตนนั้นได้เป็นใหญ่เหนือใครให้ได้
แต่เด็กน้อยในตอนนั้น กลับปฏิเสธทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งตนเองด้วย
แล้วนาเกียก็นึกถึงความมุ่งมั่นของตัวเองและอุลฮีในตอนนั้น เมื่อหายตกใจและตั้งสติได้แล้ว นาเกียเลือกตอบจูดาว่า ที่จูดาพูดมานั้นถูกต้องแล้ว หากตนเองยังมีชีวิตอยู่จะไม่เลิกล้มความตั้งใจโดยเด็ดขาด และหากจูดาต้องการจะหยุดตัวเองให้ได้นั้น จูดาจะต้องฆ่าตัวเองเท่านั้น มิฉะนั้นจะไม่ยอมหยุดโดยเด็ดขาด
แล้วจูดาจึงพุ่งเข้าใส่นาเกียด้วยน้ำตา
แต่ยูริที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่สามารถปล่อยให้จูดาสังหารมารดาด้วยมือของตนเองได้ จึงตัดสินใจเข้าขวาง และไคล์เองก็พุ่งเข้าหยุดจูดาเช่นกัน
แล้วเหตุการณ์วุ่นวายทุกอย่างก็จบลง นาเกียถูกนำตัวเข้าสอบสวนและรับฟังคำตัดสิน
สภาขุนนางมีมติให้ตัดสินโทษประหาร แต่ไคล์ในฐานะกษัตริย์ค้านไว้ว่าต้องการให้รับโทษเป็นจองจำตลอดชีวิต เพราะต้องการให้รับโทษในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่มากกว่า และสุดท้ายสภาขุนนางได้หันไปถามยูริในฐานะทาวานาอันน่า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสภาขุนนางยอมรับยูริในตำแหน่งนี้แล้ว
เมื่อยูริต้องออกความเห็นในโทษที่นาเกียสมควรได้รับ ความทรงจำของยูริเกี่ยวกับนาเกียนั้น มีแต่เรื่องเลวร้ายเต็มไปหมด โดยเฉพาะล่าสุดที่ต้องสูญเสียรูซาฟาไป แต่แล้วยูริกลับสงบใจ แล้วแจ้งออกมาว่าเห็นด้วยกับไคล์
และเหตุผลที่ยูริให้ก็คือ ต้องการให้นาเกียมีชีวิตอยู่เพื่อเห็นว่ายูรินั้นจะต้องเป็นทาวานาอันน่าที่ดีกว่า
ดังนั้นสรุปแล้ว นาเกีย ต้องได้รับโทษถูกจองจำในวิหารที่เมืองห่างไกลตลอดชีวิต
แต่ไม่เพียงเท่านั้น ไคล์ยังมีคำสั่งต่อไป แต่งตั้งให้จูดาไปรับตำแหน่งอยู่ประจำเมืองเดียวกันกับนาเกีย แทนที่องค์ชายมารี ที่เสียไปในสงครามกับอียิปต์ก่อนหน้านี้ ซึ่งจูดาเองก็น้อมรับคำสั่ง (ไคล์ใจดี ส่งจูดาไปอยู่ใกล้ๆ กับนาเกียด้วย)
และเมื่อการตัดสินจบลง ก่อนที่นาเกียจะโดนควบคุมตัวออกไป ยูริกลับเรียกไว้ก่อน นาเกียที่หันมาถามด้วยคาดการณ์ว่ายูริจะต้องมาต่อว่าด้วยความเคียดแค้นแน่นอน แต่กลับกันเลย เมื่อยูริบอกว่าต้องการจะกล่าวขอบคุณ นำมาซึ่งความแปลกใจให้แก่นาเกียยิ่ง
แม้ว่ายูริจะล้วนนึกถึงผู้คนที่ต้องจากไปเพราะฝีมือนาเกีย ตั้งแต่ทีโต้ ซานันซา อุลซุลล่า และรูซาฟา แต่ยูริกลับเลือกกล่าวขอบคุณนาเกียที่พาตนเองมาที่โลกนี้
และนี่คือบทสรุปสุดท้ายของนาเกีย
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย และแม้จะมีพิธีอภิเษกของไคล์และยูริแล้ว แต่ไคล์กลับเดินเข้ามาหายูริพร้อมกล่าวขอแต่งงานอีกครั้ง นำมาซึ่งความงุนงงให้แก่ยูริอีก
เมื่อยูริไม่เข้าใจ และถามไคล์กลับ ไคล์อธิบายว่า พิธีอภิเษกที่ผ่านมานั้น เป็นพิธีสำหรับตำแหน่งราชินีและทาวานาอันน่า แต่ก่อนหน้าที่จะอยู่ในฐานะทั้งสองอย่างนั้น ยูริกลับลืมฐานะภรรยาไป คราวนี้ไคล์จึงมาขอยูริแต่งงาน เพื่อให้ยูริอยู่ในฐานะภรรยาของตนเองด้วย (โรแมนติกเว้อไปล่ะ) พร้อมทั้งคุกเข่าขอแต่งงาน (ฮิตไทต์มีธรรมเนียมนี้ด้วย???)
แล้วยูริก็ตอบรับทั้งน้ำตาด้วยความปราบปลื้ม
ต่อไปมาถึงพิธีฉลองงานอภิเษก (ก่อนหน้านี้เป็นพิธีตามศาสนา) เนเฟอรูโต้ ก็เข้ามาแสดงความยินดี พร้อมทั้งบอกลา ด้วยตนเองไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ต่อแล้ว
ยูริที่มีท่าทีห่วงความรู้สึกเนเฟอรูโต้อย่างเต็มที่ ก็โดนเนเฟอรูโต้ตบหลังเข้าให้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าตนเองร่าเริงดีแล้ว แต่ผลจากการกระทำที่เพียงแค่หยอกเล่น กลับทำเอายูริถึงกับผะอืดผะอม แต่เอ๊ะ อาการแบบนี้มัน
แล้วก็เข้าสู่พิธีแต่งตั้งยูริเป็นราชินีและทาวานาอันน่า ท่ามกลางความยินดีของทุกคน
และระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเดินเคียงข้างกัน ยูริก็กระซิบบอกเรื่องลูก
สุดท้ายแล้วทั้งคู่ก็ได้อยู่เคียงข้างกัน ท่ามกลางความยินดีและคำอวยพรของชาวฮิตไทต์
หลายปีหลังจากนั้น จูดาก็ได้เป็นกษัตริย์ของฮิตไทต์ พร้อมด้วยมีอเล็กซานดร้าเป็นราชินี
The End
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น